“เอกภาวิน” แนะลงทุน “หุ้นเล็ก-กลาง” กำไรโต พ่วงยีลด์สูง 4%
“เอกภาวิน” มอง SET ฟื้นตัว เน้นหุ้นเล็ก-กลางกำไรปีนี้โตเด่น พ่วงปันผลเด่นให้ Dividend Yield สูง 4% โดยให้แนวรับ 1,360-1,355 จุด แนวต้าน 1,375-1,380 จุด
นายเอกภาวิน สุนทราภิชาติ ผู้อำนวยการฝ่ายกลยุทธ์การลงทุน สายงานวิจัย บริษัทหลักทรัพย์ อินโนเวสท์ เอกซ์ จำกัด หรือ INVX เปิดเผยผ่านรายการ “ข่าวหุ้นเจาะตลาด” วันนี้ (4 มี.ค. 67) มองภาพรวมตลาดหุ้นไทยเช้าวันนี้เป็นลักษณะเทคนิเคิลรีบาวด์จากสัปดาห์ก่อนหน้า โดยให้แนวรับ 1,360-1,355 จุด ส่วนแนวต้านอยู่ที่ระดับ 1,375-1,380 จุด
สำหรับปัจจัยที่มีผลต่อตลาดหุ้นไทยน่าจะเป็นเรื่องของการประชุมสภาจีนต้องติดตามว่ามีมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเข้ามาเพิ่มเติมหรือไม่ หากมีเข้ามาน่าจะเป็น sentiment เชิงบวกให้ตลาดหุ้นจีนและตลาดหุ้นไทย ส่วนปัจจัยภายในประเทศน่าจะมีแรง Take Profit เนื่องจากเพิ่งผ่านช่วงการประกาศผลการดำเนินงานปี 2566 และมีหุ้นปรับตัวขึ้นมารับข่าวบางส่วนการปรับตัวของดัชนีก็อาจจำกัดในกรอบ
ส่วนประเด็นกำไรต่อหุ้น (EPS) ของตลาดหุ้นไทยติดลบในช่วง 2 เดือนที่ผ่านมาถือว่าเป็นปัจจัยรับรู้มาตั้งแต่ภาพรวมเศรษฐกิจในไตรมาส 3 ถึงไตรมาส 4 ที่ผ่านมาออกมาไม่สดใส แต่เมื่อดูแนวโน้มผลการดำเนินงานบริษัทจดทะเบียนในกลุ่ม SET50 ที่ออกมาล่าสุดดีกว่าคาดทำให้ภาพตลาดมองว่าผลการดำเนินงานปีนี้จะฟื้นตัว และไปเด่นชัดในช่วงปีหน้า เนื่องจากต้นทุนทางการเงินลดแล้ว มาตรการคลังและนโยบายการเงินเข้ามาเต็มที่ ดังนั้นตลาดหุ้นที่ปรับตัวลงมาเยอะและมีหุ้นหลายตัวมูลค่าเทรด P/E และ P/BV ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยตรงนี้มองในอนาคตเป็นโอกาสในการเข้าซื้อสะสมในปีนี้และในปีหน้า
ทั้งนี้กลยุทธ์การลงทุนแนะ 3 กลุ่ม ได้แก่ 1.เก็งกำไรหุ้นขนาดกลางและเล็กคาดการณ์ผลงานดีในปีนี้ อาทิ บริษัท อาฟเตอร์ ยู จำกัด (มหาชน) หรือ AU, บริษัท อาฟเตอร์ ยู จำกัด (มหาชน) หรือ ONEE, บริษัท เดอะคลีนิกค์ คลินิกเวชกรรม จำกัด (มหาชน) หรือ KLINIQ และ บริษัท หาดทิพย์ จำกัด (มหาชน) หรือ HTC
2.หุ้นปันผลเด่นให้ Dividend Yield สูง คือ อัตราผลตอบแทนจากเงินปันผลอยู่ประมาณ 4% อาทิ ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ BBL, ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) หรือ KTB, บริษัท เอพี (ไทยแลนด์) จำกัด (มหาชน) หรือ AP และบริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) หรือ ADVANC
3.กลุ่มลงทุนระยะกลางและระยะยาว โดยเน้นเป็นผู้นำอุตสาหกรรมและมูลค่า Undervalue อาทิ BBL, บริษัท ทางด่วนและรถไฟฟ้ากรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ BEM, บริษัท กรุงเทพดุสิตเวชการ จำกัด(มหาชน) หรือ BDMS, บริษัท ซีพี ออลล์ จำกัด (มหาชน) หรือ CPALL, บริษัท ปูนซิเมนต์ไทย จำกัด(มหาชน) หรือ SCC และบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) หรือ PTT