JMT ส่งซิก Q1 โตโดดเด่น ลุยซื้อหนี้เข้าพอร์ตบริหารเพิ่ม
JMT ส่งซิกไตรมาส 1/66 โตต่อเนื่อง เดินหน้าบริหารซื้อหนี้เสีย NPL ต่อเนื่อง แย้มอยู่ระหว่างทำดีลบางส่วน เสริมแกร่งธุรกิจ
นายสุทธิรักษ์ ตรัยชิรอาภรณ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารบริษัท เจ เอ็ม ที เน็ทเวอร์ค เซอร์วิสเซ็ส จำกัด (มหาชน) หรือ JMT เปิดเผยข้อมูลภาพรวมธุรกิจของบริษัทผ่านงาน Opportunity Day ในวันที่ 4 มีนาคม 2567 ว่าสำหรับภาพรวมธุรกิจติดตามหนี้ ธุรกิจซื้อหนี้มาบริหาร และประกัน เติบโตแข็งแกร่ง ทำให้ในปีนี้บริษัทฯยังคงเน้นการซื้อหนี้ที่ไม่มีหลักประกัน (Secure Loan) พร้อมมองหาโอกาสในกลุ่มมีหลักประกัน (Secure Loan) เข้ามาบริหารเพิ่มเติม ควบคู่กับการเพิ่มประสิทธิภาพในการจัดเก็บหนี้ และภาพรวมยังคงมั่นใจทำ New High ต่อเนื่อง
ขณะที่สัญญาณไตรมาส 1/2567 ยังคงเดินตามเป้าน่าจะโดดเด่นชัดเจนมากขึ้น และมองว่าจะมีการเข้าซื้อหนี้เพิ่มขึ้นต่อเนื่อง อาจจะมีกระบวนการที่ต้องใช้เตรียมตัวกับสถาบันการเงินสักระยะหนึ่ง
ส่วนการเข้าซื้อหนี้เพิ่มนั้น บริษัทฯยังอยู่ระหว่างการทำดีลในบางส่วน ซึ่งสถาบันการเงินปีนี้คงใช้เวลาเตรียมตัว สำหรับลูกค้าที่ยังไม่เคยปรับโครงสร้างก่อนจะขาย NPL และหลัง NPL จะต้องมีการดำเนินการ ยังคงต้องใช้เวลาอีกสักพัก รวมถึงคาดการณ์กำไรส่วนของ JK AMC ยังคงมองว่าเติบโตต่อเนื่อง โดยขึ้นอยู่กับปริมาณของหนี้เสีย NPL
“แนวโน้มปี 2567 จะมีการเข้าซื้อหนี้มามากที่สุด ซึ่งมองจากหนี้ที่กำลังเป็นหนี้เสีย โดยมีหนี้อยู่ประมาณ 1.1 ล้านล้านบาท ซึ่งนั้นเป็นก้อนแรกที่กำลังตกเป็นหนี้เสีย NPL อีกส่วนหนึ่งเป็นหนี้ที่อยู่ในกลุ่มที่กำลังบังคับคดี โดยปีนี้ทาง JMT มีความพร้อมที่จะเข้าไปซื้อหนี้ทั้ง 2 กลุ่มให้ได้มากที่สุด แต่การที่จะซื้อหนี้ให้ได้มากที่สุดนั้น ก็มีความจำเป็นที่คัดเฉพาะหนี้ที่ทำผลตอบแทนจากการลงทุนให้เยอะที่สุด” นายสุทธิรักษ์ กล่าว
นายสุทธิรักษ์ กล่าวอีกว่า บริษัทฯมีซัพพลายในตลาด AMC เป็นจำนวนมากจนล้นตลาด ซึ่งเชื่อว่าฐานทุนของเราค่อนข้างที่จะได้เปรียบ จึงมีความเชื่อมั่นในการซื้อหนี้ของปีนี้เพิ่มขึ้น โดยคาดว่าในปี 2567 ทาง บริษัท บริหารสินทรัพย์ เจเค จำกัด (JK AMC) จะได้รับหนี้อยู่ที่ 12,000 ล้านบาท ส่วนในมุมของ cash collection ปี 2567 บริษัทวางเป้าไว้ประมาณ 10,000 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีที่แล้วโดยปีที่ผ่านมาได้เข้าซื้อหนี้เกินตามเป้าหมายที่เคยกล่าวไว้ว่าภายใน 3 ปีจะเข้าซื้อหนี้ประมาณ 1 แสนล้านบาท
นอกจากนี้ ในปี 2567 JMT คงใช้เงินลงทุนอย่างเหมาะสมในการลงทุน โดยพิจารณาจากศักยภาพของหนี้ด้อยคุณภาพที่มีผลตอบแทนที่ดีจากการซื้อหนี้เข้ามาบริหาร และใช้งบลงทุนซื้อหนี้ตลอดหลายปีรวมประมาณ 37,000 ล้านบาทตั้งแต่ปี 2566 เก็บมาได้แล้วรวมสะสมราว 79% ของเงินลงทุนทั้งหมด โดยเฉพาะปีก่อนที่ยอดจัดเก็บทำได้เร็วมากขึ้น สนับสนุนผลการดำเนินงานที่ดีต่อเนื่อง ส่วนการคืนเงินหุ้นกู้ในปีนี้ครั้งแรกในเดือนมีนาคมทางบริษัทไม่มีปัญหาเนื่องจากเตรียมเงินไว้หมดแล้ว
อย่างไรก็ตาม ผลประกอบการปี 2566 บริษัทมีกำไรสุทธิอยู่ที่ 2,010.66 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 15.19% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อนมีกำไรสุทธิอยู่ที่ 1,745.58 ล้านบาท ขณะที่มีรายได้รวมอยู่ที่ 5,086.60 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 15.4% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อนมีรายได้รวม 4,409.50 ล้านบาท ส่วนใหญ่มาจากรายได้จากสัญญาที่ทำกับลูกค้า และรายได้ดอกเบี้ยและเงินปันผล และกำไรจากเงินให้สินเชื่อการซื้อลูกหนี้ รวมถึงรายได้จากการรับประกันภัย
- 3M/66