KJL ผนึก “ชไนเดอร์” ตั้งตัวแทนจำหน่ายสินค้า อัดงบลงทุนปีนี้ 150 ล้าน ลุยขยาย Network
KJL กางแผน 3-5 ปี รายได้เติบโตเฉลี่ยปีละ 10-15% วางงบลงทุนปีนี้ 150 ล้านบาท ขยายตึก-เครื่องจักรและต่อยอดสินค้าใหม่ๆ ลุยขยาย Network พัฒนาโซลูชั่น เซ็นสัญญา “ชไนเดอร์ อิเล็คทริค” เป็นตัวแทนจำหน่ายทางการ รับรู้รายได้ทันที พร้อมตั้งเป้าเครือข่ายช่างไฟแตะ 15,000 คนภายในปี 68 มุ่งสู่การเติบโตแบบ Double Synergy
นายเกษมสันต์ สุจิวโรดม ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท กิจเจริญ เอ็นจิเนียริ่ง อีเลคทริค จำกัด (มหาชน) หรือ KJL เปิดเผยว่า สำหรับปี 2567 บริษัทมุ่งมั่นที่จะปรับปรุงและพัฒนาแผนการดำเนินงานเดิมให้มีประสิทธิภาพ ส่งมอบอย่างรวดเร็วและแม่นยำ ให้มีกระบวนการเติบโตอย่าง Double Synergy Growth ร่วมกับกลุ่มพันธมิตรเพื่อสร้างศักยภาพและเพิ่มผลผลิตให้กับบริษัทมากยิ่งขึ้น โดยตั้งเป้าหมายรายได้ในปี 2567 ที่มากกว่า 1,200 ล้านบาท คิดเป็นการเติบโตที่ระดับ 10-15% และเร่งขยายฐานลูกค้าที่เป็นร้านอุปกรณ์ไฟฟ้าทั่วประเทศแตะ 1,000 ร้านค้า รวมถึงผลักดันการขนส่ง (Logistic) เพิ่มขึ้น 25% ในปีนี้ เพื่อเป็นการจัดส่งสินค้าเต็มคันและเพิ่มยอดขายให้กับบริษัท
โดยบริษัทมุ่งเน้นความสะดวกและรวดเร็วในการผลิต ด้วยการพัฒนากระบวนการและนำโซลูชั่นใหม่ๆเข้ามาใช้ รวมถึงการออกสินค้าใหม่ๆ เพื่อตอบโจทย์ตลาดและความต้องการของลูกค้าที่หลากหลายมากขึ้น เช่น ผลิตภัณฑ์จากพลาสติก, การเดินสายไฟฟ้าต่างๆ และขยายงานระบบไฟฟ้าเพื่อเข้าถึงช่างงานทั่วไปให้มากขึ้น นอกจากนี้ยังมีแผนขยายไปในส่วน EV Charging Solution ในครึ่งหลังปี 2567 เพื่อเพิ่มความง่ายดายในการเข้าถึง กระจายความเสี่ยง ภายใต้แนวคิด ทุกที่ที่มีไฟต้องมี KJL โดยบริษัทมีสาขาครอบคลุมทั่วประเทศ ประกอบกับมีป้อมปราการและสถานะการเงินที่แข็งแกร่ง และพร้อมที่จะหาพันธมิตรใหม่ๆเพื่อขยายผลิตภัณฑ์การขยายสินค้า และบริการไปยังหลากหลายอุตสาหกรรมแห่งอนาคต ไม่ว่าจะเป็น Data Center, เทคโนโลยี IOT ตลอดจนเทคโนโลยี AI เป็นต้น
“ในปีที่ผ่านมา บริษัทสามารถก้าวผ่านความเสี่ยงและความผันผวนของอุตสาหกรรมมาได้ ไม่ว่าจะเป็นราคาวัตถุดิบที่ผันผวน โลหะและเหล็ก บริษัทก็สามารถจัดการได้อย่างมีประสิทธิภาพได้ โดยในปีนี้บริษัทตั้งใจที่จะดำเนินตามแผนเดิม เพื่อรักษาคุณภาพของชิ้นงาน ลดราคาวัตถุดิบและต้นทุนภายในองค์กรให้มากขึ้น ด้วยการใช้ความเชี่ยวชาญและเน้นความเร็ว ที่จะเข้าไปคว้าโอกาสในทุกกลุ่มอุตสาหกรรมที่มีการเติบโต” นายเกษมสันต์ กล่าว
ล่าสุด บริษัทได้เซ็นสัญญา กับ “ชไนเดอร์ อิเล็คทริค” (Schneider Electric) ผู้นำอุปกรณ์ และงานระบบไฟฟ้า และพลังงานสะอาดระดับโลกที่ได้รับความไว้วางใจ และมีการพัฒนานวัตกรรมมาอย่างต่อเนื่องตลอดระยะเวลา 180 ปีจากฝรั่งเศส โดยชไนเดอร์ อิเล็คทริค ได้แต่งตั้งให้ KJL เป็นตัวแทนจำหน่ายอย่างเป็นทางการ Authorized General Distributor (Tier 1) ในทุกประเภทผลิตภัณฑ์ของชไนเดอร์ อิเล็คทริค เช่น ผลิตภัณฑ์และระบบไฟฟ้าแรงดันต่ำ ระบบอัตโนมัติและการควบคุมอุตสาหกรรม ระบบกระจายแรงดันไฟฟ้าขนาดกลาง และโครงข่ายไฟฟ้าอัจฉริยะ เป็นต้น โดยการได้รับแต่งตั้งเป็นตัวแทนจำหน่ายอย่างเป็นทางการจะเพิ่มโอกาสในการสร้างรายได้ให้กับบริษัทเพิ่มขึ้นในอนาคต โดยมีสินค้าที่ออกขายไปบางส่วนแล้วและมีออเดอร์เข้ามาอย่างต่อเนื่อง ช่วยลดระยะเวลาในการผลิต เสนอราคาได้ดีกว่า และเป็นการซื้อมาขายไปได้โดยตรง
“เรายังคงเดินหน้าเติบโตอย่างต่อเนื่อง จากการขยายธุรกิจในทุกมิติ และการมุ่งเน้นด้านนวัตกรรม และความยั่งยืนของสิ่งแวดล้อม รวมถึงการสร้าง network ที่แข็งแกร่งเพื่อการต่อยอดในอนาคต และที่สำคัญคือการได้รับแต่งตั้งเป็นตัวแทนจำหน่ายจากชไนเดอร์ อิเล็คทริค นับว่าเป็นอีกก้าวที่สำคัญของ KJL ในการที่จะเพิ่มมูลค่าสินค้า และสร้างการเติบโตอย่างต่อเนื่อง และยกระดับองค์กรสู่ความเป็นสากลในอนาคต และมีแผนที่จะต่อยอดไปผลิตภัณฑ์อื่นๆ เช่น แท่นชาร์จอีวีตามบ้านเรือ, Software Design และสินค้าร่วมกันอื่นๆ” นายเกษมสันต์ กล่าว
ส่วนธุรกิจในต่างประเทศบริษัทฯจะเน้นไปที่ประเทศเขตชายแดน เช่น กัมพูชา ลาว และพม่า รวมทั้งเตรียมขยายธุรกิจในต่างประเทศเพิ่มเติมไปยัง สิงคโปร์ มาเลเซีย ฟิลิปปินส์ และออสเตรเลีย นอกจากนี้ บริษัทมีกลุ่มลูกค้าคนไทยจากต่างประเทศที่ลงทุนในประเทศไทย ซึ่งจะช่วยลดการนำเข้าวัสดุต่างๆ จากต่างประเทศ และสามารถตอบสนองความต้องการของกลุ่มลูกค้าที่เข้ามาลงทุนในไทย
สำหรับแผนการดำเนินงานในอีก 3-5 ปีข้างหน้า (2567-2571) บริษัทตั้งเป้าที่จะเติบโตอย่างทวีคูณ โดยคาดการณ์ว่าจะมีรายได้เฉลี่ยเติบโตปีละ 10-15% และคาดว่าอัตรากำไรขั้นต้นจะเติบโต 28-32% พร้อมวางบลงทุนในปี 2567 ไว้ที่ 150 ล้านบาท เพื่อจัดสรรการก่อสร้างอาคารราว 100 ล้านบาท เพิ่มจำนวนเครื่องจักรและอัตราการผลิตราว 30 ล้านบาท และต่อยอดงานระบบอื่นๆ ส่วนในปี 2568 วางไว้ที่ 200 ล้านบาท และในปี 2569 อยู่ที่ 80 ล้านบาท และเพิ่มศักยภาพตัวแทนจำหน่ายให้ขยายถึง 1,200 สาขา รวมถึงตั้งใจพัฒนาเครือข่ายช่างไฟฟ้า KJL Network (Tier 3) ให้สู่ระดับเป้าหมายที่ 15,000 คนในปี 2568 ผ่านการจัดงานสัมมนารวมพลคนไฟฟ้า เพื่อสร้างฐานลูกค้าและขยายเครือข่ายบริษัท
ขณะเดียวกัน บริษัทก็ผลักดันการสร้าง New S-Curve ศูนย์ความรู้และความเข้าใจใน KJL Innovation Campus ที่คาดการณ์ว่าจะเสร็จสิ้นในไตรมาส 4/2568 เพื่อเป็นศูนย์รวมสินค้าและสร้างดีไซน์ให้ผู้ประกอบการลูกค้าเข้าถึงง่ายมากขึ้น จัดทำสินค้าตัวอย่างและสร้างโซลูชั่นใหม่ๆ ต่อยอดศักยภาพในการแข่งขัน ลดระยะเวลาการผลิต (Speed to market) เพิ่มพื้นฐานลูกค้าทำให้เกิด Network มากขึ้น ภายใต้การผสมผสานแนวคิด ESG เข้ากับกระบวนการผลิต เช่น การใช้ Solar Rooftop โดยคาดการณ์ว่าจะช่วยลดค่าไฟได้ 20-30% และการนำโลหะกลับมาใช้ซ้ำเพื่อลดการใช้ทรัพยากร รวมถึงมุ่งยกระดับพัฒนาศักยภาพบุคลากรทั้งในและนอกองค์กรด้วยการจัดทำคู่มือการติดตั้งระบบไฟฟ้า เพื่อความปลอดภัยและตอบโจทย์สังคมมากขึ้น สอดคล้องกับวิสัยทัศน์ “Electrifying your world better together”