“ฐกร” กับภารกิจขับเคลื่อน DITTO มุ่งสู่ “Digital & Green” เต็มรูปแบบ
“ฐกร รัตนกมลพร” กับภารกิจขับเคลื่อน DITTO ในอนาคตที่กำลังมุ่งสู่ Digital & Green ที่เป็นเทรนด์ของโลกอย่างเต็มรูปแบบ และเป็นบริษัท DATA ครบวงจรของคนไทย
นายฐกร รัตนกมลพร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ดิทโต้ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ DITTO เปิดเผยว่า เมื่อโลกเปลี่ยนไปอย่างรวดเร็วบริษัทถูกดีสทรัปจากเทคโนโลยี จึงต้องเร่งดีสทรัปตัวเองจนนำมาสู่ธุรกิจ Digital File ธุรกิจบริหารจัดการเอกสารและข้อมูลเป็นระบบดิจิทัลแบบครบวงจร นับว่าเป็นรายแรกๆ
ทั้งนี้จากทาง DITTO เข้าไปลงทุนใน บริษัท เน็ตเบย์ จำกัด (มหาชน) หรือ NETBAY แล้วจับมือกับพันธมิตรอีก 4 รายประกอบด้วย บริษัท ทีม คอนซัลติ้ง เอนจิเนียริ่ง แอนด์ แมเนจเมนท์ จำกัด (มหาชน) หรือ TEAMG, SITEM, บริษัท ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) หรือ ORI และโสมาภา จะทำให้เกิดประโยชน์ร่วมกันในการขยายธุรกิจในหลายๆมิติ ซึ่งพันธมิตรแต่ละรายต่างก็มีจุดแข็งของตัวเอง มีกลุ่มลูกค้าคนละกลุ่มกัน
สำหรับประโยชน์ที่ได้ คือ ทำให้ประหยัดเรื่องเงินงบประมาณและระยะเวลาในการพัฒนาโปรดักส์ใหม่ๆ เรียกว่า ประหยัดทั้งเวลาและเงินลงทุนทำให้สามารถดึงศักยภาพมาใช้ได้เป็นอย่างดี ตัวอย่างเช่น ibox ซึ่งเป็นโปรดักส์ของ NETBAY เมื่อ DITTO ไปทำทรานฟอร์มให้กับองค์กรต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น ศาล อบต. อบจ. หรือกลุ่มลูกค้าหน่วยงานราชการ ก็สามารถเอามาขายให้กับลูกค้าต่อยอดได้ทันที ไม่ต้องเสียเงิน และไม่ต้องเสียเวลาไปพัฒนาโปรดักส์ใหม่ ส่วน NETBAY ที่มีกลุ่มลูกค้า B2C ก็สามารถเอาโปรดักส์ DITTO มาช่วยขายได้
ขณะที่กรณีโสมาภา ที่เป็นแพลตฟอร์มข้อมูลการขนถ่ายคนที่สนามบิน ก็จะมีข้อมูลคนเข้าออกทั้งในประเทศ หรือคนเข้าออกต่างประเทศ ปัจจุบันตอนนี้ลูกค้ามีสนามบินในไทยและลาว อนาคตจะไปโอเชเนีย แอฟริกาใต้ ก็สามารถเอาโปดักส์ E-custom , E-logistic ซึ่งเป็นระบบในการขนคาร์โก้ ขนสินค้า NETBAY ไปขายต่างประเทศต่อยอดได้อีก ถ้า NETBAY จะขยายไปต่างประเทศ โสมาภาก็จะเข้ามาช่วยได้
นอกจากนั้น กลุ่มพันธมิตรรายอื่นๆ ที่ร่วมมือกันก็สามารถดึงโปรดักส์และเซอร์วิสในกลุ่มนำมาขายได้ นี่คือสิ่งที่จะเกิดจากความร่วมมือกันบริษัทฯ สามารถเพิ่ม Productivity และเพิ่ม Efficiency สร้างธุรกิจใหม่ๆ รายได้ใหม่ๆ และสร้างโอกาสได้ หลังจากจับมือแล้วขบวนการทำงานร่วมกัน คือร่วมกันไปขายไม่ได้เปิดบริษัทร่วมกัน
นายฐกร กล่าวอีกว่า ตอนนี้บริษัทฯได้นำสินค้าของ NETBAY เสนอหน่วยงานราชการที่ทางบริษัทฯไปเซอร์วิสไปแล้ว เช่น กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง องค์การสวนสัตว์ฯ หรือลูกค้ากลุ่มธนาคาร องค์กรท้องถิ่น ที่สำคัญ NETBAY มีทีมบุคลากรด้านไอที ดีเวลล็อปเปอร์นับร้อยคน สามารถเพิ่มงานโดยใช้ทรัพยากรบุคคลเดิม ทำให้มีงานใหม่เพิ่มเข้ามาได้แต่ต้นทุนเท่าเดิม ได้งานเพิ่มขึ้นโอกาสทางตลาดก็จะกว้างขึ้นมีสินค้าพร้อมขาย ซึ่งระบบพวกนี้จะต้องใช้เวลา ใช้เงินลงทุน และ Performance อันนี้จะเป็นสินค้าใหม่ สร้างรายได้ใหม่เพิ่มเข้ามา ไม่เฉพาะ DITTO เท่านั้น NETBAY ก็จะเพิ่มด้วย เพราะสินค้าที่บริษัทฯต้องซื้อที่ NETBAY อีกทั้งเมื่อมี NETBAY เข้ามาบริษัทฯยังจะขายข้อมูลไปยังที่อื่นได้ด้วย ซึ่งเมื่อก่อนยังไม่มี
“เราให้ความสำคัญเรื่อง Climate Technology หรือ Climate Change ที่เรามองจะเป็นความร่วมมือในการพัฒนาแพลตฟอร์มเรื่อง ESG ปัจจุบัน บริษัทในตลาดหลักทรัพย์ให้ความสำคัญของ ESG มาก แม้กระทั่งกองทุนเอง จะลงทุนในธุรกิจที่ทำ ESG เรากำลังศึกษาอยู่ซึ่งจะเป็นผลิตภัณฑ์ใหม่โดยจะมี TEAMG ร่วมด้วย”นายฐกร กล่าว
นายฐกร กล่าวต่อว่า ปัจจุบันบริษัทฯได้แต่งตั้งให้บริษัท Token X ในเครือ SCB X เป็นตัวแทนบริษัททำเรื่อง Token ให้กับโครงการปลูกป่าชายเลนเพื่อประโยชน์จากคาร์บอนเครดิต ซึ่งบริษัทได้สิทธิในการปลูกป่า 30 ปี บริษัทจะเปิดโอกาสให้คนภายนอกเข้ามามีส่วนร่วมโดยจะระดมทุนจากผู้ที่มีความสนใจร่วมในการปลูกป่ารักษาโลกด้วยกัน สร้างธรรมชาติด้วยกัน เงินที่ได้จากการออก Token จะไปใช้ในการปลูกป่าชายเลยในโครงการ คาดว่ากลางปีจะสามารถออกได้แน่นอน
ขณะนี้ขั้นตอนอยู่ในโครงการ PDD (Project Design Document) ซึ่งเวลาที่ทำโครงการผู้ที่เป็นคนออกกฏเกณฑ์จะกำหนด ว่าโครงการที่เราทำ มีรายละเอียดอย่างไร บนพื้นที่เท่าไร พื้นที่อยู่ที่ไหน จังหวัดนี้มีกี่ไร่ ต้นไม้ที่ปลูกมาเป็นอย่างไร โดยวางแผนว่าต้นไม้ที่ปลูกในแต่ละปีจะเติบโตอย่างไร ได้คาร์บอนเท่าไร วิธีตรวจวัดอย่างไร ชุมชน มีส่วนร่วมอย่างไร Project Design คือรายละเอียดเมื่อเวลาผ่านไปว่าที่ทำแผนออกมานั้น เวลาตรวจวัดจริงได้ออกมาเท่าไร
โดย DITTO อยากเป็น Tech Company ของคนไทย ที่มีความแข็งแรง ที่จะนำพาโนฮาวน์ของคนไทยให้เป็นที่รู้จัก ปัจจุบันที่ DITTO ทำให้กับศาล หรือ เอาข้อมูลเข้าระบบให้กรมที่ดิน อบต. อบจ.ก็เป็นแพล็ตฟอร์มของเรา ดีไซด์และพัฒนาเอง
ที่สำคัญ DITTO ไม่ได้มีแค่ซอฟต์เทคหมายถึงซอฟต์แวร์อย่างเดียวยังมีฮาร์ดแวร์ มีทั้งฝั่งเอ็นจิเนียเข้ามาบวกกับเทคโนโลยี เช่นเรื่องสวนสัตว์แห่งใหม่ สามารถทำโครงการใหญ่ๆ สามารถนำเอาเอ็นจิเนียริ่งแล้วใส่เทคโนโลยีเข้าไป สร้างความเป็นสากลโดยคนไทย
อีกทั้ง DITTO จะเป็นบริษัทไอทีที่มีแพล็ตฟอร์มเป็นของตัวเอง ในหลายๆบิสิเนส หลายๆมิติ เพื่อบริหารดาต้าครบวงจร รวมถึงการพัฒนาด้านเอนจิเนียริ่งเบสที่ครอบคลุมด้วย เนื่องจากเราเข้าไปแตะอีกขาคือเรื่องของ Climate เรื่องของสิ่งแวดล้อม บริษัทฯต้องใช้เทคโนโลยี มาช่วยในการปลูกป่าให้ได้คุณภาพ ตรวจวัด จะทำให้เกิดความยั่งยืนเพื่อผลิตผล อยากได้ป่าที่อุดมสมบูรณ์ ต้องมีวิธีการดูแล วิธีการแบบเดิมอาจไม่เพียงพอต้องเอาเทคโนโลยีเข้ามาช่วย
นายฐกร กล่าวเพิ่มเติมว่า สิ่งที่บริษัทฯทำทุกวันนี้เป็นสิ่งที่ลอกเลียนแบบยาก เพราะทุกอย่างได้จากประสบการณ์ลูกค้า เช่นเรื่องศาลคนที่ทำต้องไปเรียนรู้พฤติกรรมของศาลก่อน อันนี้เป็นจุดแข็ง ซึ่งบริษัทฯมีบางอย่างที่ไม่เหมือนคนอื่น มีแพล็ตฟอร์ม ระบบ Document Management การนำเข้าข้อมูล ระบบการจัดการ กลุ่มที่เราเข้าไปจับนั้นเราจับ Core ที่ไม่มีใครทำ
ขณะที่เมื่อสิ้นไตรมาส 3 ปี 2566 DITTO มีแบ็คล็อค 5.3 พันล้านบาท รับรู้รายได้ 3 ปี ยังไม่รวมกับของใหม่ จนถึง ปี 2569 ส่วนแผนรับรู้โครงการใหม่ในไตรมาส 4 ปี 2566 ได้งานมา 4-5 โครงการ เช่น ดิจิทัลทวิน การขยายการจัดเก็บข้อมูลภายในศาล ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร(ธ.ก.ส.) กรมที่ดิน นอกจากนี้เรามีโครงการอยู่แล้ว รวมถึงมีโครงการที่ร่วมมือกับ NETBAY พร้อมกับมองว่ายังมีโอกาสที่ขยายมากขึ้นอีก
ส่วนในเดือนพฤษภาคม ปี 2564 DITTO เข้าเทรดในตลาด MAI ผลงานที่ผ่านมาบอกได้ว่า DITTO เติบโตอย่างต่อเนื่อง ทำให้ Performance ชั้นดีสามารถขึ้นมาอยู่ในตลาดใหญ่ จะทำให้นักลงทุนทั่วโลก ไม่ว่าจะเป็นกองทุน สถาบันการเงิน หรือ Private Investor จะเห็นเรามากขึ้นและ มีโอกาสในการลงทุนมากขึ้น หรือโอกาสที่ได้เข้าถึงข้อมูลจะมากขึ้น เป็นที่รู้จักแพร่หลายมากขึ้น เพราะเราอยู่ในเวทีที่ใหญ่ขึ้น
ด้านธุรกิจในอนาคตเราอยากจะเป็นบริษัทที่ทำด้าน DATA ครบวงจร ซึ่งจะพยายามไปให้ถึง ส่วนการเข้าไปอยู่ใน SET 100 นั้นก็เป็นความตั้งใจและพยายามทำงานอย่างหนักเราตั้งเป้าไว้ว่าอยากจะไปให้ถึงจุดนั้นภายใน 3 ปี หากไปถึงจุดนั้นได้ก็จะทำให้แข็งแกร่งและน่าเชื่อถือขึ้น เปิดโอกาสในการระดมทุนมากขึ้น กองทุนที่เป็น Criteria จะเพิ่มมากขึ้นอีก จะทำให้ DITTO มีโอกาสขยายไปเป็นที่รู้จักมากขึ้น เวลาไปดิวกับต่างประเทศจะสร้างความน่าเชื่อถือตามไปด้วย
“จากจุดเริ่มต้นธุรกิจให้เช่าเครื่องถ่ายเอกสาร ดีสทรัปตัวเองสู่ธุรกิจ Digital File ปัจจุบันกำลังบุกธุรกิจ Green Tech หรือ Climate Tech อย่างเต็มตัว อนาคต DITTO กำลังมุ่งสู่ Digital & Green ที่เป็นเทรนด์ของโลกอย่างเต็มรูปแบบและเป็นบริษัท DATA ครบวงจรของคนไทย” นายฐกร กล่าวทิ้งท้าย