“ดาวโจนส์” ปิดลบ 69 จุด จากแรงขายทำกำไร หลังตัวเลขจ้างงานสูงเกินคาด

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดลบในวันศุกร์ (8 มี.ค.) ขณะที่ดัชนี S&P500 และ Nasdaq ปิดลดลงหลังแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ระหว่างวัน โดยหุ้นกลุ่มชิปปรับตัวลงท่ามกลางแรงเทขายทำกำไร ขณะที่การเปิดเผยข้อมูลตลาดแรงงานบ่งชี้ว่าการจ้างงานใหม่ในสหรัฐเพิ่มขึ้นมากเกินคาด

ทั้งนี้ ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 38,722.69 จุด ลดลง 68.66 จุด หรือ -0.18%, ดัชนี S&P500 ปิดที่ 5,123.69 จุด ลดลง 33.67 จุดหรือ -0.65% และดัชนี NASDAQ ปิดที่ 16,085.11 จุด ลดลง 188.26 จุด หรือ -1.16%

โดยในรอบสัปดาห์นี้ ดัชนีดาวโจนส์ลดลง 0.93%, ดัชนี S&P500 ติดลบ 0.26% และดัชนี Nasdaq ปรับตัวลง 1.17%

ส่วนดัชนี S&P500 และ Nasdaq ปรับตัวลงในวันศุกร์ หลังแตะระดับสูงเป็นประวัติการณ์ในระหว่างวัน โดยดัชนีหุ้นกลุ่มเซมิคอนดักเตอร์ที่ตลาดฟิลาเดลเฟียปิดร่วงลง 4% หลังแตะระดับสูงเป็นประวัติการณ์ในระหว่างวัน

ด้านหุ้นอินวิเดีย บริษัทผลิตชิปปัญญาประดิษฐ์ (AI) ปิดร่วงลง 5.6% หลังจากพุ่งขึ้นมากกว่า 5% ในการซื้อขายช่วงเช้า และหลังจากปิดบวกต่อเนื่องนาน 6 วัน

ส่วนหุ้นบรอดคอม ร่วง 7% หลังการคาดการณ์ผลประกอบการทั้งปีต่ำกว่าที่นักลงทุนคาดไว้ และหุ้นมาร์เวลล์ เทคโนโลยี ร่วง 11.4% หลังคาดการณ์ผลประกอบการไตรมาสแรกต่ำกว่าที่ตลาดคาดการณ์ อันเนื่องมาจากอุปสงค์ที่อ่อนแอ

โดยในช่วงเช้านั้น ตลาดหุ้นสหรัฐเปิดบวกหลังกระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยข้อมูลบ่งชี้ว่า การจ้างงานนอกภาคเกษตรของสหรัฐเพิ่มขึ้นเกินคาด 275,000 ตำแหน่งในเดือนก.พ. มากกว่าที่มีการคาดกันไว้ว่าอาจเพิ่มขึ้น 200,000 ตำแหน่ง

ส่วนอัตราการว่างงานเพิ่มขึ้นแตะ 3.9% ในเดือนก.พ. หลังจากทรงตัวที่ระดับ 3.7% เป็นเวลา 3 เดือนติดต่อกัน ขณะที่อัตราการขยายตัวของค่าแรงชะลอลงเหลือ 0.1% เมื่อเทียบเป็นรายเดือน

นักวิเคราะห์รายหนึ่งกล่าวว่า ตลาดเผชิญแรงขายทำกำไรหลังปรับตัวขึ้นอย่างมากในช่วงที่ผ่านมา

โดยในบรรดาหุ้น 11 กลุ่มของดัชนี S&P500 หุ้นกลุ่มเทคโนโลยีปรับตัวลงมากที่สุด 1.8% ตามมาด้วยกลุ่มสินค้าอุปโภคบริโภค ร่วง 0.8%

ส่วนหุ้นกลุ่มอสังหาริมทรัพย์บวกขึ้นมากที่สุด 1.1% ตามมาด้วยกลุ่มพลังงานที่บวก 0.4%

ขณะที่หุ้นแก๊ป (Gap) บริษัทค้าปลีกเสื้อผ้า ปิดพุ่งขึ้น 8.2% สวนทางตลาด หลังเปิดเผยผลประกอบการไตรมาส 4/2566 สูงกว่าคาด

ส่วนในสัปดาห์หน้า นักลงทุนจะจับตาการเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจสำคัญประจำเดือนก.พ.ของสหรัฐ อาทิ ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) และยอดค้าปลีก เพื่อหาสัญญาณบ่งชี้แนวโน้มการปรับลดอัตราดอกเบี้ย