“ชัยยศ” แนะลงทุน WHA-SPA ลุ้นผลงานปีนี้โตต่อ

นายชัยยศ จิวางกูร ผู้ช่วยฝ่ายผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์ กรุงศรี จํากัด (มหาชน) เปิดเผยในรายการ “ข่าวหุ้นเจาะตลาด” วันนี้ (13 มี.ค. 67) ว่า แนวโน้มตลาดหุ้นไทยรีบาวน์ตามตลาดภูมิภาค หลังจากประกาศตัวเลขเงินเฟ้อสหรัฐ CPI เดือนก.พ.ออกมาสูงกว่าคาดการณ์เล็กน้อยที่ระดับ +3.2% ทำให้นักลงทุนส่วนใหญ่เชื่อมั่นว่าเฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเดือนมิ.ย. ส่วนสัปดาห์หน้าการจะมีการประชุมเฟดวันที่ 19- 20 มี.ค.คาดเฟดยังคงดอกเบี้ยตามคาด

ส่วนทิศทางนักลงทุนต่างชาติคาดว่าจะชะลอการลงทุนอยู่เนื่องจากจะรอดูการประชุมในสัปดาห์หน้า ประกอบกับทิศทางดัชนีส่วนใหญ่ในเดือนมีนาคมจะแกว่งตัวผันผวน เนื่องจากมีปัจจัยในเรื่องของการขึ้นเครื่องหมาย XD ของหุ้นขนาดใหญ่ และคาดว่าจะทำให้เดือนนี้ตลาดผันผวนในกรอบ 1,370-1,400 จุด แต่ต้องจับตาฟันด์โฟลว์ในช่วงของเดือนเมษายนซึ่งเป็นช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อ เพราะในช่วงเดือนนี้จะเริ่มมีพรีวิวงบไตรมาส 1/2567 โดยเฉพาะกลุ่มแรกธนาคารและพลังงาน ซึ่งถ้ามีการออกมาดีคาดว่าจะมีเม็ดเงินไหลฟันด์โฟลว์ไหลเข้ามาในตลาดหุ้นไทย

นอกจากนี้ปัจจัยที่สำคัญและต้องจับตาในประเทศปลายเดือนนี้คือตัวเลขจีดีพีไทย เพราะเป็นช่วงปิดงบไตรมาส 1/2567 ถ้าตัวเลขออกมาดีคาดจะส่งสัญญาณให้ตัวเลข GDP ออกมาในทางที่ดีได้ หลังจากกังวลตัวที่กระทรวงการคลังประเมินก่อนหน้านี้อยู่ที่ระดับ 2.7% และธปท.มองเกินระดับ 3%  และหากตัวเลขจีดีพีออกมาใกล้เคียงระดับ 3 หรือเกิน 3% ตลาดน่าจะบวกขึ้นไปได้ แต่ถ้าการจับจ่ายและการบริโภคไม่สดใสอาจจะทำให้ตลาดซึม

ส่วนปัจจัยทางด้านการเมืองจากกรณีที่กกต.มีมติเอกฉันท์ส่งศาลรัฐธรรมนูญในเรื่องการยุบพรรค “ก้าวไกล” เชื่อว่าตรงนี้ยังมีไทม์มิ่งประมาณ 1-2 เดือนกว่าจะตัดสิน ซึ่งตรงนี้อาจจะทำให้ภาวะการเมืองมีความร้อนแรงมากขึ้น แต่เชื่อว่าส่วนใหญ่มองว่าถ้าเสถียรภาพของรัฐบาลมีความมั่นคงมีนโยบายทำให้เศรษฐกิจ เชื่อว่าตลาดหุ้นจะตอบรับในแดนบวกมากว่ากว่า แต่หากมีการยุบพรรค แต่ไม่มีการชุมนุมรุนแรงก็ไม่น่าจะกระทบตลาดหุ้น

สำหรับกลยุทธ์การลงทุน แนะนำหุ้นที่มีปัจจัยเฉพาะตัวคือ บริษัท ดับบลิวเอชเอ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ WHA โดยมองว่าทิศทางธุรกิจในปีนี้การลงทุนยังอยู่ในเกณฑ์ดีต่อ เนื่องจากปีก่อน โดยเฉพาะในในเรื่องของการลงทุนรถ EV บวกกับรัฐบาลมีการสนับสนุนให้ต่างชาติเข้ามาลงทุน ซึ่งตรงนี้บริษัทพื้นที่ใน EEC ค่อนข้างมากมองว่าเป็นหุ้นที่ได้ประโยชน์ในจุดนี้ แนะนำซื้อราคาพื้นฐานอยู่ที่ 5.40 บาท

ส่วนอีกประเด็นหนึ่งจะเห็นว่าบ้านเราจะผ่านช่วงตรุษจีนไปแล้ว แต่นักท่องเที่ยวอยู่ในเกณฑ์ที่ดี เพราะฉะนั้นกลุ่มที่จะได้ประโยชน์คือ บริษัท สยามเวลเนสกรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ SPA เนื่องจากการใช้บริการมีการเติบโตต่อเนื่องหลังจากโควิด ประกอบกับปีนี้ผู้บริหารมีมีแผนขยายสาขาเพิ่มจึงแนะนำซื้อราคาเป้าหมาย 15.00 บาท

ด้านหุ้นกลุ่มแบงก์มองเป็นกลางแม้จะมีจ่ายเงินปันผลเด่น แต่มีอีกประเด็นต้องพิจารณาคือเรื่องของดอกเบี้ย จากแนวโน้มเฟดคาดจะปรับตัวดอกเบี้ยลงในกลางปีนี้ ถ้าเฟดปรับลดดอกเบี้ยมองว่าจะเป็นลบกับกลุ่มนี้ ในทางกลับกันหากดอกเบี้ยลง “กลุ่มไฟแนนซ์” น่าจะเป็นตัวเลือกที่ดีกว่า