TKN ปักธงยอดขายปี 67 โต 15% สานต่อกลยุทธ์ “3GO” เน้นเจาะตลาดต่างประเทศ

TKN ปักหมุดปี 67 ยอดขายเติบโต 15% เดินหน้าสานต่อกลยุทธ์ “Go Firm, Go Broad, Go Global” ปรับแผนพร้อมลุยตลาดทวีปอเมริกา หนุนยอดขายเพิ่มขึ้นในอนาคต


นางทิพย์นภา จิตต์แจ้ง ประธานเจ้าหน้าที่กลุ่มงานการเงินและคณะ บริษัท เถ้าแก่น้อย ฟู๊ดแอนด์มาร์เก็ตติ้ง จำกัด (มหาชน) หรือ TKN เปิดเผยข้อมูลภาพรวมธุรกิจของบริษัทผ่านงาน (Opportunity Day) จัดโดย ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) เมื่อวันที่ 14 มีนาคม 2567 ว่าผลการดำเนินงานปี 2566 บริษัทฯ มีกำไรสุทธิ 743.01 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 71.00% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนมีกำไรสุทธิ 434.74 ล้านบาท

ขณะที่ รายได้รวมอยู่ที่ 5,323.40 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 21.90% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน 4,366.60 ล้านบาท โดยเป็นผลมาจากการดำเนินงานด้วยกลยุทธ์ 3GO หรือ (Go Firm, Go Broad, Go Global) ตลอดทั้งปี และความมุ่งมั่นของบุคลากรในองค์กรที่ได้นำกลยุทธ์ดังกล่าวมาปฏิบัติ เพื่อใช้ในการบริหารและจัดการธุรกิจอย่างต่อเนื่อง

นางทิพย์นภา กล่าวอีกว่า บริษัทตั้งเป้าหมายยอดขายเติบโต 15% ในช่วงครึ่งปีแรก 2567 และต้องการรักษาระดับการทำกำไรในช่วงไตรมาส 1-2/2567 พร้อมมั่นใจจะสามารถบรรลุได้ตามแผนผ่านกลยุทธ์ 3GO ที่กล่าวมาข้างต้น อาทิ 1.GO Firm คือการมุ่งเน้นเรื่อง “Cost leadership strategy” ปรับปรุงกระบวนการผลิต โดยใช้โปรแกรมเข้ามาช่วย รวมไปถึงการบริหารจัดการห่วงโซอุปทานอย่างมีประสิทธิภาพ พัฒนาการจัดจำหน่ายสินค้าผ่านการเลือกช่องทางที่เหมาะสม ขยายสาขาบริหารค่าใช้จ่ายอย่างคุ้มค่าที่สุด, 2.Go Broad มุ่งเน้นเจาะตลาดต่างประเทศ อาทิ ประเทศจีน สหรัฐฯ อินโดนีเซีย พร้อมการขยายฐานธุรกิจผ่านการพัฒนาสินค้านวัตกรรมใหม่ และ 3.Go Global บริษัทยังคงเดินหน้าเพื่อนำแบรนด์สู่ตลาดสากล รวมถึงมีแผนการลงทุนในธุรกิจอื่นๆ ขณะที่ในอนาคต มีแพลนนำรถ “EV truck” เข้ามาใช้กระบวนการผลิตในโรงงาน

ส่วนในปีที่ผ่านมา บริษัทได้ต่อยอดตลาดต่างประเทศมากยิ่งขึ้น ผ่านการขยายผลิตภัณฑ์เถ้าแก่น้อยรสชาติใหม่และทำการตลาด ให้ตอบโจทย์กลุ่มลูกค้า ยกตัวอย่าง ประเทศจีนที่ถือเป็นตลาดใหญ่ ซึ่งได้ทำการตลาดผ่านการยิงโฆษณาในสนามบินเพื่อส่งเสริมการขาย และมีผลตอบรับเป็นอย่างดี ขณะที่ ตลาดประเทศอินโดนีเซียบริษัทมีการปรับเปลี่ยนพาร์ทเนอร์จัดจำหน่ายสินค้า นับเป็นเรื่องที่ส่งผลดีจากการเจาะตลาดที่บริษัทเข้าไม่ถึงมาก่อน พร้อมทั้งมีการกระตุ้นยอดขายสินค้าเดิมของบริษัทให้กลับมาได้สู่ตลาด

นอกจากนี้ ได้นำสินค้าเข้าไปจำหน่วยในซุปเปอร์มาร์เก็ตประเทศแคนาดาอย่าง “Costco” ส่วนในทวีปอเมริกากลางและอเมริกาใต้ เริ่มมีบริษัทตัวแทนจัดจำหน่ายติดต่อบ้างแล้ว โดยตลาดดังกล่าวมีการวางแผนเข้าถึงกลุ่มลูกค้าให้ได้มากที่สุด ผ่านกลยุทธ์การใช้ “Influencer” เพื่อประชาสัมพันธ์สินค้า ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งที่ช่วยกระตุ้นยอดขายได้เป็นอย่างดี โดยปีที่ผ่านมาตลาดที่มีการเติบโตทั้งยอดขายและกำไรมากที่สุด 5 อันดับ คือ ไทย, สหรัฐอเมริกา, จีน, อินโดนีเซีย และมาเลเซีย

สำหรับปัจจัยด้านวัตถุดิบสาหร่ายที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นประมาณ 30% เป็นผลกระทบจาก “ปรากฏการณ์เอลนีโญ” หรือ การเปลี่ยนทิศทางของกระแสน้ำ และกระแสลมที่ทำให้เกิดการแปรปรวนของสภาพภูมิอากาศโลก กระทบผลผลิตในประเทศจีนและญี่ปุ่น ทั้งปริมาณและคุณภาพ ซึ่งบริษัทมีแนวทางการแก้ไข้ปัญหาดังกล่าวผ่านมาตรการระยะสั้น คือ การเข้าซื้อวัตถุดิบต่อเนื่องตั้งแต่ช่วงเดือนมกราคม-กุมภาพันธ์ 2567 เพื่อใช้รองรับการผลิตสินค้าตอบโจทย์การเติบโตในอนาคต

Company Snapshot

Back to top button