เปิดโผ 27 หุ้น รับประโยชน์ “งบประมาณรัฐปี 67” วงเงิน 3.48 ล้านลบ.
เปิดโผธีมหุ้นได้รับประโยชน์งบประมาณภาครัฐปี 67 วงเงิน 3.48 ล้านล้านบาท โบรกฯคาดกระแสลงทุนหุ้นได้ประโยชน์ภาครัฐฯ กลับมาคึกคักชัดเจนในช่วงไตรมาส 2/67 ชูหุ้นรับเหมา, วัสดุก่อสร้าง, เหล็ก และค้าปลีก
ผู้สื่อข่าวรายงาน จากกรณีการพิจารณากำหนดวันเวลาในการอภิปรายร่างพ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2567 วาระที่ 2-3 ที่ประชุมคณะกรรมการประสานงานร่วมสภาผู้แทนราษฎร ได้กำหนดกรอบการพิจารณาวันที่ 20-22 มีนาคม 2567 นั้น
นายเฉลิมพล เพ็ญสูตร ผู้อำนวยการสำนักงบประมาณกล่าวว่า งบประมาณปี 2567 วงเงิน 3.48 ล้านล้านบาท คาดการณ์ว่าจะเริ่มเบิกจ่ายได้ไม่เกินวันที่ 15 เมษายน 2567 เป็นต้นไป ถือว่าเร็วกว่าที่กำหนดไว้เดิมจากช่วงปลายเดือนเมษายนถึงช่วงต้นเดือนพฤษภาคม ซึ่งเมื่อเบิกจ่ายได้แล้วทุกหน่วยงานก็จะต้องเร่งดำเนินการจัดซื้อจัดจ้าง โดยปีนี้อาจจะตั้งเป้าเบิกจ่ายน้อยลงกว่าปีที่ผ่านมา แต่ก็ต้องเร่ง และไม่น่าจะมีปัญหา โดยเฉพาะงบฯ ลงทุนที่เป็นรายการผูกพันใหม่ น่าจะเบิกจ่ายได้ 100% เพราะตั้งวงเงินไว้ราว 15% ที่จะต้องเบิกในปีงบประมาณ 2567
ดังนั้น “ข่าวหุ้นธุรกิจออนไลน์” จึงทำการรวบรวมหุ้นที่คาดว่าได้รับประโยชน์จากพ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปี 2567 ตามนักวิเคราะห์ประเมินเอาไว้ พบว่าหุ้นกลุ่มรับเหมาและกลุ่มเหล็กจะได้รับประโยชน์มากที่สุด สำหรับหุ้นกลุ่มรับเหมาประกอบด้วย ได้แก่ บริษัท ช.การช่าง จำกัด (มหาชน)หรือ CK, บริษัท ซิโน-ไทย เอ็นจีเนียริ่งแอนด์คอนสตรัคชั่น จำกัด(มหาชน)หรือ STEC, บริษัท คริสเตียนีและนีลเส็น (ไทย) จำกัด (มหาชน)หรือ CNT, บริษัท ไทยโพลีคอนส์ จำกัด (มหาชน)หรือ TPOLY และ บริษัท โพสโค-ไทยน๊อคซ์ จำกัด (มหาชน)หรือ INOX
ขณะที่หุ้นกลุ่มเหล็กประกอบด้วย ได้แก่ บริษัท ไทยไวร์โพรดัคท์ จำกัด (มหาชน) หรือ TWP, บริษัท สามชัย สตีล อินดัสทรี จำกัด (มหาชน) หรือ SAM, บริษัท ไทย-เยอรมัน โปรดักส์ จำกัด (มหาชน) หรือ TGPRO, บริษัท จี เจ สตีล จำกัด (มหาชน) หรือ GJS, บริษัทไทยคูน เวิลด์ไวด์ กรุ๊ป (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ TYCN, บริษัท ทาทา สตีล (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ TSTH, บริษัท สยามสตีลอินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) หรือ SIAM, บริษัท ซีเอสพี สตีลเซ็นเตอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ CSP และ บริษัท เพิ่มสินสตีลเวิคส์ จำกัด (มหาชน) หรือ PERM
โดยสอดคล้องกับทางฝ่ายนักวิเคราะห์ บริษัทหลักทรัพย์ กรุงศรี พัฒนสิน จำกัด (มหาชน) หรือ KCS ระบุว่า หุ้นได้รับประโยชน์จากงบประมาณรายจ่ายภาครัฐ ซึ่งมองจะเป็นจุดช่วยให้ตลาดมั่นใจภาพการฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทยอีกครั้ง ทำให้มีมุมมองบวกต่อหุ้นกลุ่มรับเหมา คือ CK, STEC เริ่มเคลื่อนไหวนำตลาด มองโมเมนตัมมีความต่อเนื่องจากงบประมาณปี 2567จะเริ่มคืบหน้าสัปดาห์หน้าในวันที่ 20-21 มีนาคม 2567 จะเป็นการพิจารณาวาระที่ 2 และ 3 ของ ส.ส.หลังจากนั้น คาดว่าจะเข้าสู่การพิจารณา ส.ว. และทูลเกล้า คาดเริ่มมีผลเบิกจ่ายได้ต้นเดือนเมษายน
ทั้งนี้ยังมีโครงการใหญ่ที่จะคาดประมูลได้เร็วขึ้นในช่วงครึ่งแรกของปี 2567 คือ กลุ่มที่คณะรัฐมนตรีไทย (ครม.) อนุมัติไว้เรียบร้อยแล้ว โดยมีโครงการรถไฟรางคู่ ช่วงขอนแก่น-หนองคาย อยู่ที่ 2.9 หมื่นล้านบาท และโครงการทางด่วน จตุโชติ-ลำลูกกา อยู่ที่ 1.9 หมื่นล้านบาท
สำหรับในเชิงกลยุทธ์ ทางฝ่ายวิจัยมองกระแสลงทุนหุ้นได้ประโยชน์ภาครัฐฯกลับมาคึกคักชัดเจนในช่วงไตรมาส 2/2567 ผสาน มองหุ้นหลักในกลุ่มยังลงทุนได้ทั้งหมดอย่าง CK ให้ราคาเป้าหมาย 28 บาท ขณะที่ STEC ให้ราคาเป้าหมาย 12 บาท
นอกจากนี้ให้จับตาหุ้นกลุ่ม Digital Tech อย่าง บริษัท เบริล 8 พลัส จำกัด (มหาชน) หรือ BE8 ให้ราคาเป้าหมาย 47บาทหลังได้รับงานภาครัฐฯ (30% ของรายได้) อีกทั้งแนะนำมองจับตาหุ้นค้าปลีกที่มีโอกาสตอบรับทางบวก อาทิ บริษัท ซีพี ออลล์ จำกัด (มหาชน) หรือ CPALL, บริษัท เบอร์ลี่ ยุคเกอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ BJC และ บริษัท สยามโกลบอลเฮ้าส์ จำกัด (มหาชน) หรือ GLOBAL
ขณะเดียวกัน บริษัทหลักทรัพย์ หยวนต้า (ประเทศไทย) จำกัด ระบุว่า การพิจารณา พ.ร.บ. งบประมาณปี 2567 ในวาระ 2-3 ถือเป็นไฮไลต์สำคัญในสัปดาห์หน้า โดยทางฝ่ายวิจัยคาดว่า SET INDEX จะตอบรับเชิงบวก เพราะงบประมาณรายจ่ายเร่งตัวขึ้น 9% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อนสูงกว่าค่าเฉลี่ยในอดีตที่ต่ำเพียง +2% ต่อปี และรอบนี้มีช่วงเบิกจ่ายสั้นเพียง 6 เดือน ทำให้หน่วยงานภาครัฐต้องเร่งเบิกจ่ายเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจและการลงทุน
ดังนั้นถ้าพิจารณาโครงสร้างงบประมาณตามยุทธ์ศาสตร์ 6 ด้าน ทำให้ฝ่ายวิจัยพบจุดเด่นตรงที่มีการเพิ่มงบด้านบุคลากร ซึ่งดีต่อการบริโภคในประเทศ และเน้นการลงทุนด้านดิจิทัลอย่างมีนัยสำคัญกลุ่มที่เด่นในธีมงบประมาณภาครัฐฯ คือ รับเหมาก่อสร้าง, วัสดุก่อสร้าง, ธนาคารพาณิชย์, โรงไฟฟ้า, สื่อสาร, ค้าปลีก และไฟแนนซ์
อย่างไรก็ดีหุ้นใน Coverage ของฝ่ายวิจัยที่ราคายังมี Upside ผลประกอบการเติบโต รวมถึงยังได้ Yuanta ESG Rating ระดับAA ขึ้น ไป ได้แก่ บริษัท ปูนซิเมนต์ไทย จำกัด (มหาชน) หรือ SCC, บริษัท เอสซีบี เอกซ์ จำกัด (มหาชน) หรือ SCB, บริษัท กัลฟ์ เอ็นเนอร์จี ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) หรือ GULF, บริษัท ไทยคม จำกัด (มหาชน) หรือ THCOM, บริษัท ซิมโฟนี่ คอมมูนิเคชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ SYMC,
บริษัท ซีพี ออลล์ จำกัด (มหาชน) หรือ CPALL, บริษัท เบอร์ลี่ ยุคเกอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ BJC, บริษัท โอสถสภา จำกัด (มหาชน) หรือ OSP, บริษัท ศรีสวัสดิ์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ SAWAD, CK, BE8