WHAUP ผนึก “สหฟาร์ม-โกลเด้น ไลน์” ซื้อขายไฟฟ้า 14 โครงการ 46.36 เมกฯ
WHAUP ผนึก “สหฟาร์ม-โกลเด้น ไลน์ บิสซิเนส” ผลิตและจำหน่ายไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์ รวม 14 โครงการ กำลังผลิตไฟฟ้ารวม 46.36 เมกะวัตต์
นางสาวจรีพร จารุกรสกุล ประธานคณะกรรมการบริหาร และประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่ม บริษัท ดับบลิวเอชเอ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ WHA เปิดเผยว่า กลุ่มบริษัทมุ่งมั่นที่จะเป็นส่วนหนึ่งในการจัดการด้านก๊าซเรือนกระจกและแก้ปัญหาภาวะโลกร้อน ด้วยการสร้างโครงสร้างพื้นฐานที่สำคัญต่อการส่งเสริมการใช้พลังงานหมุนเวียน ซึ่งการที่ บริษัท ดับบลิวเอชเอ ยูทิลิตี้ส์ แอนด์ พาวเวอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ WHAUP ได้ร่วมมือกับ บริษัท สหฟาร์ม จำกัด และ บริษัท โกลเด้น ไลน์ บิสซิเนส จำกัด ในครั้งนี้ จึงเป็นไปตามกลยุทธ์การดำเนินธุรกิจ ที่จะสร้างความยั่งยืนด้วยการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก ซึ่งเป็นการช่วยสนับสนุนให้ประเทศไทยเดินไปสู่เป้าหมายการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (Net Zero Emissions)
โดยการใช้พลังงานทดแทนหรือพลังงานแสงอาทิตย์ ในโครงการดังกล่าวจะช่วยลดปริมาณการปล่อยก๊าซเรือนกระจก กว่า 35,000 ตันคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่า (tCO2e) ต่อปี ซึ่งสอดคล้องกับเป้าหมายของบริษัทที่จะช่วยส่งเสริมและขับเคลื่อนการดำเนินธุรกิจ อย่างยั่งยืนเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ผ่านการใช้เทคโนโลยีของ WHAUP ซึ่งเป็นผู้เชี่ยวชาญการติดตั้งระบบผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์ ดังนั้นด้วยทีมงานที่มีประสบการณ์ยาวนานจะช่วยเพิ่มศักยภาพ และยกระดับภาคอุตสาหกรรมเกษตรไทยสู่ระดับสากลมากขึ้น
สำหรับความร่วมมือในครั้งนี้ถือเป็นการต่อยอดความร่วมมือของทั้ง 3 บริษัท ในด้านพลังงานทางเลือกและพลังงานสะอาดที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมที่จะตอบสนองต่อการเปลี่ยนแปลงทางธุรกิจ และสถานการณ์โลกที่มีความเกี่ยวข้องกับการใช้พลังงานอย่างยั่งยืนต่อไปในอนาคต รวมทั้งทำให้ สหฟาร์ม และ โกลเด้น ไลน์ บิสซิเนส สามารถลดค่าใช้จ่าย ค่าไฟฟ้าได้มากกว่า 1,600 ล้านบาท ตลอดระยะเวลาสัญญาซื้อขายไฟฟ้า 14 ปี
ด้านนายสมเกียรติ เมสันธสุวรรณ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ดับบลิวเอชเอ ยูทิลิตี้ส์ แอนด์ พาวเวอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ WHAUP กล่าวว่า โครงการติดตั้ง พร้อมผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์ให้กับสหฟาร์ม และ โกลเด้น ไลน์ บิสซิเนส ครั้งนี้ ถือเป็นโครงการแรกของการดำเนินการด้านพลังงานหมุนเวียนภายนอกนิคมอุตสาหกรรมในภาคธุรกิจเกษตรกรรม หรือ Agriculture
โดยไฟฟ้าที่ได้จะใช้ในกลุ่มอุตสาหกรรมของสหฟาร์มทั้งโรงเชือด โรงแปรรูป โรงเลี้ยงไก่ โรงฟักไข่ และโรงงานผลิตอาหารสัตว์ที่ตั้งอยู่ในพื้นที่ของจังหวัดลพบุรี และเพชรบูรณ์ ซึ่งโครงการดังกล่าว มีมูลค่าการลงทุนสูงถึง 1,000 ล้านบาท ขานรับนโยบายของภาครัฐ ที่มีเป้าหมายสำคัญในการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกและก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ในระยะยาว และตามแนวทางการดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืนในทุกมิติของ WHA ทั้งด้านเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม ซึ่งคาดการณ์ว่าจะเริ่มจ่ายไฟฟ้าเข้าระบบ ได้ภายในไตรมาส 1-2 ของปี 2568
อย่างไรก็ตาม ภายหลังจากการเซ็นสัญญากับ สหฟาร์ม และ โกลเด้น ไลน์ บิสซิเนส ในครั้งนี้ ส่งผลให้ WHAUP มีกำลังการผลิตไฟฟ้าสะสมเพิ่มขึ้นเป็น 915 เมกะวัตต์ เข้าใกล้เป้าหมายการผลิตไฟฟ้าสะสมที่ 1,000 เมกะวัตต์ จากโรงไฟฟ้าทุกประเภท โดยเป็นพลังงานแสงอาทิตย์แบบ Private PPA และสัญญากับภาครัฐ รวมเป็นจำนวน 367 เมกะวัตต์
ขณะที่นางสาวบุญญาลักษณ์ โชติเทวัญ กรรมการ บริษัท สหฟาร์ม จำกัด และบริษัท โกลเด้น ไลน์ บิสซิเนส จำกัด กล่าวว่า ในฐานะผู้ผลิต ผู้ส่งออกและจำหน่ายผลิตภัณฑ์ไก่ครบวงจร ซึ่งดำเนินธุรกิจมาอย่างยาวนาน 54 ปี เรายึดหลัก โปร่งแสง น้ำใส สะอาดบริสุทธิ์ ยุติธรรมและเล็งเห็นถึงความสำคัญในการรักษาสภาพแวดล้อมให้ดีขึ้น มุ่งเน้นให้เป็นองค์กรสีเขียวที่มีการให้ความสำคัญกับการใช้พลังงานสะอาด ที่จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตและการใช้พลังงานอย่างคุ้มค่ามากที่สุด
โดยอุตสาหกรรมเกษตรของกลุ่ม สหฟาร์ม เป็นอุตสาหกรรมการผลิตไก่ครบวงจร ตั้งแต่เริ่มต้นกระบวนการฟักไข่ การให้แสงสว่าง การทำให้ไก่อบอุ่น ขบวนการผลิตอาหารสัตว์ และเครื่องจักรสำหรับการผลิตต่างๆ ภายในโรงงาน ล้วนแล้วแต่ใช้พลังงานสูงมาก และปัจจุบันราคาค่าพลังงานมีแนวโน้มที่จะสูงขึ้นเรื่อยๆ และการผลิตพลังงานบางส่วนก็ยังคงมีผลต่อสภาพแวดล้อม กลุ่มสหฟาร์มตระหนักได้ถึงปัญหาที่เกิดขึ้นจึงริเริ่มปลุกจิตสำนึกในกับคนในองค์กร โดยเริ่มต้นด้วยการเน้นไปที่การประหยัดพลังงาน เพิ่มประสิทธิภาพในการใช้งานพลังงานให้มีประสิทธิภาพให้ได้มากที่สุด เพื่อให้ส่งผลเสียต่อสภาพแวดล้อมให้น้อยที่สุด
ดังนั้น กลุ่มบริษัทในเครือสหฟาร์ม จึงได้ร่วมกับ WHAUP วางแผนในการลดต้นทุนด้านพลังงาน รวมถึงลดผลกระทบต่อสภาพแวดล้อม ด้วยการใช้พลังงานแสงอาทิตย์ที่เป็นพลังงานสะอาดผลิตได้ตลอดทั้งปี ติดตั้งครอบคลุมพื้นที่ของสหฟาร์มถึง 300 ไร่ ซึ่งเป็นที่ตั้งของโครงการย่อย 14 โครงการ มีกำลังผลิตไก่ได้กว่า 700,000 ตัวต่อวัน ซึ่งสามารถลดการใช้พลังงานได้ประมาณ 30 % โดยคิดจากการทำงาน 24 ชั่วโมงต่อวัน หากคิดเป็นจำนวนเงิน จะสามารถประหยัดเงินได้มากกว่า 100 ล้านบาทต่อปี หรือคิดเป็นเงินประมาณ 1,600 ล้านบาท ภายใน 14 ปี รวมถึงลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกได้กว่า 870,000 ตัน ใน 25 ปี
“กลุ่มสหฟาร์ม เชื่อว่าการร่วมมือกับ WHAUP ครั้งนี้ จะเป็นตัวอย่างที่ดีในการนำเอาเทคโนโลยีด้านพลังงานสะอาด เข้ามาช่วยสนับสนุนงานเกษตรอุตสาหกรรม ให้ลดการใช้พลังงานแบบดั้งเดิม ช่วยให้ประหยัดค่าใช้จ่ายในระยะยาวและดีต่อโลกของเรามากยิ่งขึ้นในอนาคต” นางสาวบุญญาลักษณ์ กล่าว