JMART-JMT ปักธงธุรกิจปี 67 แกร่ง! “ทริสเรทติ้ง” คงอันดับเครดิต “องค์กร-หุ้นกู้” BBB+
JMART-JMT มั่นใจศักยภาพธุรกิจแกร่งปี 67 มุ่งเป้าสู่ออลไทม์ไฮ ชู "ทริสเรทติ้ง" คงอันดับเครดิต องค์กรและหุ้นกู้ที่ระดับ BBB+ แย้มบริษัทที่เข้าไปลงทุนคาดให้ปันผลตอบแทนกลับมา (Cash Dividend) เฉียด 1 พันล้าน หนุนกระแสเงินสดในมือแน่น
นายอดิศักดิ์ สุขุมวิทยา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เจมาร์ท กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) หรือ JMART เปิดเผยถึงความมั่นใจแนวโน้มในปี 2567 ว่าบริษัทจะกลับมาทำ All Time High และแข็งแกร่งขึ้นจากบริษัทย่อยซึ่งเป็น Key Drivers ที่สำคัญคือ บริษัท เจ เอ็ม ที เน็ทเวอร์ค เซอร์วิสเซ็ส จำกัด (มหาชน) หรือ JMT (JMART ถือหุ้น 53.9%) มีผลประกอบการที่เติบโตมาโดยตลอด
รวมทั้งการเก็บเกี่ยวผลกำไรในบริษัทที่เข้าไปลงทุน ได้แก่ บริษัทสุกี้ตี๋น้อย ที่มีการเติบโตอย่างมีนัยสำคัญ รวมทั้ง บริษัท น้ำตาลบุรีรัมย์ จำกัด (มหาชน) หรือ BRR, บริษัท พีอาร์ทีอาร์ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ PRTR, บริษัท บางกอก เดค-คอน จำกัด (มหาชน) หรือ BKD จึงประมาณการผลตอบแทนที่เราไปลงทุนคาดว่าจะได้รับเงินปันผลกลับมาที่เจมาร์ท (Cash Dividend) อย่างเต็มเม็ดเต็มหน่วย สร้างกระแสเงินสดกลับมาให้เจมาร์ทจากปี 2566 ซึ่ง JMART มีเงินสดในมือราว 800 ล้านบาท รวมกับเงินปันผลที่คาดว่าจะได้รับอีกเกือบ 1 พันล้านบาท มองว่าการบริหารเงินลงทุนที่ผ่านมา ได้สร้างโอกาสทางธุรกิจและผลตอบแทนได้อย่างน่าสนใจ ซึ่งยังไม่นับรวมยอดขายหรือโอกาสทางธุรกิจที่มาจากการ Synergy ร่วมกันภายในกลุ่ม และนี่คือ Value ที่ซ่อนอยู่ของเจมาร์ท ในด้านความแข็งแกร่งของโครงสร้างทุนมีหนี้สินที่มีภาระดอกเบี้ยต่อส่วนของผู้ถือหุ้นรวม (IBD/E) เพียง 0.76 เท่า
อย่างไรก็ดีในปี 2566 แม้ว่าเจมาร์ทได้รับผลกระทบจากการรับรู้ส่วนแบ่งขาดทุนจากเงินลงทุนในบริษัทร่วม บริษัท ซิงเกอร์ประเทศไทย จำกัด (มหาชน) หรือ SINGER และบริษัท เอสจี แคปปิตอล จำกัด (มหาชน) หรือ SGC ซึ่งสามารถพิสูจน์ผลงานในงบไตรมาส 3 และไตรมาส 4 ปีที่ผ่านมา พลิกกลับมาทำกำไรได้ตามที่วางไว้ หลังจากกลุ่มบริษัท SINGER และ SGC ไม่มีตั้งสำรองอย่างมีนัยสำคัญ และกำลังสร้างธุรกิจใหม่ เพื่อเทิร์นอะราวด์ มองเป็นวิกฤติที่กลุ่มบริษัทได้ปิดความเสี่ยงในส่วนนั้นไว้แล้ว และจะแข็งแกร่งขึ้นในช่วงต่อจากนี้ ยืนยันปี 2566 ผ่านจุดต่ำสุดมาแล้ว
ขณะที่ภาพรวมธุรกิจบริหารหนี้ของ JMT เป็นธุรกิจที่แข็งแกร่งจากการเป็นผู้นำ AMC บริหารหนี้ที่ไม่มีหลักประกัน และจะยังเติบโตต่อเนื่องจากพอร์ตหนี้ที่บริษัทซื้อมาบริหาร และการจัดเก็บที่มีประสิทธิภาพ แม้สภาพแวดล้อมทางเศรษฐกิจที่อ่อนแอ รวมถึงความสามารถในการจ่ายชำระของลูกหนี้
อย่างไรก็ดี JMT ดำเนินธุรกิจมากว่า 20 ปี และมั่นใจว่าในทุกวิกฤติจะเป็นโอกาสเสมอ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ภายใต้ภาวะเศรษฐกิจที่ยังไม่ฟื้นตัวดีนัก เป็นโอกาสให้ JMT ซื้อหนี้เข้ามาบริหารต่อเนื่อง พร้อมเผยแนวโน้มไตรมาส 1/2567 ยอดจัดเก็บยังทำได้ตามแผนคาดดีกว่าช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา จึงมั่นใจ JMT ในปี 2567 จะทำกำไรสูงสุดเป็นประวัติการณ์ต่อเนื่อง โดย ณ สิ้นปี 2566 บริษัทมีพอร์ตบริหารหนี้รวมอยู่ที่ประมาณ 510,000 ล้านบาท (รวม JK AMC) มีฐานะการเงินแข็งแกร่งได้วางแผนกระแสเงินสดในการชำระคืนหุ้นครบกำหนดไถ่ถอนไว้เรียบร้อยแล้ว
ทั้งนี้ JMART ยืนยันภาพรวมบริษัทยังแข็งแกร่ง โดยทริสเรทติ้งยังคงอันดับเครดิตองค์กรของ JMART และ JMT ที่ระดับเดิมที่ “BBB+” และ คงอันดับเครดิตหุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน ชุดปัจจุบันของ JMART และ JMT ที่ระดับ “BBB” แม้ปรับเปลี่ยนแนวโน้มอันดับเครดิตของบริษัทเป็น “Negative” หรือ “ลบ” จาก “Stable” หรือ “คงที่” เนื่องจากมองว่าสถานะทางการเงินของ JMART ที่อ่อนแอลง อันเนื่องมาจากผลการดำเนินงานที่อ่อนแอกว่าที่คาดไว้ และ การลงทุนเชิงรุก ในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา
สำหรับแนวโน้มอันดับเครดิตอาจถูกปรับกลับมาเป็น “Stable” หรือ “คงที่” ในกรณีที่บริษัทมีผลการดำเนินงานทางการเงินที่ดีขึ้นในขณะเดียวกันยังคงรักษาการก่อหนี้ให้อยู่ในระดับเดียวกับปัจจุบันเอาไว้ได้