ท่องเที่ยว “ภูเก็ต” ฟื้น ดันอสังหาคึกคัก ผุดโครงการใหม่ 4.8 หมื่นล้าน

อสังหาริมทรัพย์ภาคใต้คึกคัก รับอานิสงส์จากภาคการท่องเที่ยว “ภูเก็ต” ครองตลาดอันดับ 1 เปิดตัวโครงการใหม่มากสุด 5.9 พันหน่วย มูลค่ากว่า 4.8 หมื่นล้านบาท คาดทั้งปีมีที่อยู่อาศัยเข้ามาในตลาดทะลุ 1 หมื่นหน่วย มูลค่า 6.9 หมื่นล้านบาท


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันที่ 20 มีนาคม นายวิชัย วิรัตกพันธ์ ผู้ตรวจการธนาคารอาคารสงเคราะห์ และรักษาการผู้อำนวยการศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ (REIC) เปิดเผยว่า การสำรวจโครงการที่อยู่อาศัยภาคใต้ 4 จังหวัด ประกอบด้วย จังหวัดภูเก็ต, สงขลา, สุราษฎร์ธานี และนครศรีธรรมราช ในครึ่งหลังปี 2566 มีจำนวนอุปทานพร้อมขาย 23,026 หน่วย มูลค่า 134,016 ล้านบาท แบ่งเป็นอาคารชุด 11,136 หน่วย มูลค่า 79,648 ล้านบาท บ้านจัดสรร 11,890 หน่วย มูลค่า 54,368 ล้านบาท โดยมีโครงการใหม่เข้าสู่ตลาด 7,086 หน่วย มูลค่า 56,155 ล้านบาท และมีโครงการขายได้ใหม่ 6,332 หน่วย มูลค่า 36,004 ล้านบาท ส่งผลให้มีหน่วยเหลือขาย 16,694 หน่วย มูลค่า 98,012 ล้านบาท

โดยคาดการณ์ปี 2567 จะมีที่อยู่อาศัยเข้ามาในตลาด 10,586 หน่วย มูลค่า 69,253 ล้านบาท มีจำนวนหน่วยขายได้ใหม่ 9,187 หน่วย มูลค่า 47,865 ล้านบาท และมีหน่วยเหลือขาย 18,092 หน่วย มูลค่า 107,906 ล้านบาท

“เมื่อเปรียบเทียบระหว่างตลาดที่อยู่อาศัยที่อยู่ระหว่างขายของ 4 จังหวัดพบว่าภูเก็ต และ สงขลา เป็นจังหวัดที่มีขนาดตลาดเป็นลำดับ 1 และ 2 ในทุกด้าน โดยภูเก็ตมีการเสนอขายถึง 12,869 หน่วย มูลค่า 91,519 ล้านบาท และสงขลามีจำนวนหน่วย 5,156 หน่วย มูลค่า 21,107 ล้านบาท ของหน่วยที่เสนอขายทั้งหมด แต่ภูเก็ตมีการเปิดตัวใหม่มากที่สุด ทั้งบ้านจัดสรรและอาคารชุดรวม 5,913 หน่วย มูลค่า 48,554 ล้านบาท” นายวิชัย กล่าว

นายวิชัย กล่าวอีกว่า ด้านอัตราการดูดซับสำหรับภูเก็ตมีหน่วยขายได้ใหม่รวมสูงสุด 4,364 หน่วย มูลค่า 28,336 ล้านบาท มีอัตราการดูดซับที่ร้อยละ 5.7 ต่อเดือน รองลงมาเป็นสงขลา 1,018 หน่วย มูลค่า 3,755 ล้านบาท มีอัตราการดูดซับที่ร้อยละ 3.3 ต่อเดือน สุราษฎร์ธานี 652 หน่วย มูลค่า 2,723 ล้านบาท มีอัตราการดูดซับที่ร้อยละ 3.2 ต่อเดือน และ นครศรีธรรมราช 298 หน่วย มูลค่า 1,189 ล้านบาท มีอัตราการดูดซับที่ร้อยละ 3.2 ต่อเดือน

โดย 5 ทำเล ที่มีจำนวนหน่วยเหลือขายมากที่สุดใน 4 จังหวัดภาคใต้ ได้แก่ อันดับ 1 ทำเลหาดบางเทา-หาดสุรินทร์ จำนวน 2,567 หน่วย มูลค่า 27,999 ล้านบาท อันดับ 2 ทำเลเทพกระษัตรี-ศรีสุนทร จำนวน 1,560 หน่วย มูลค่า 9,633 ล้านบาท อันดับ 3 ทำเลประดู่-บางชุมโถ จำนวน 952 หน่วย มูลค่า 3,487 ล้านบาท อันดับ 4 ทำเลท่าข้าม-ควนหิน จำนวน 911 หน่วย มูลค่า 3,919 ล้านบาท และอันดับ 5 ทำเลเกาะแก้ว-รัษฎา จำนวน 813 หน่วย มูลค่า 6,583 ล้านบาท โดยระดับราคาที่มีหน่วยเหลือขายมากที่สุดคือ 3-5 ล้านบาท มีจำนวนถึง 5,338 หน่วย มูลค่า 22,627 ล้านบาท

ส่วนทำเลที่มีหน่วยขายได้สูงสุด 5 อันดับแรก คือ อันดับ 1 หาดบางเทา-หาดสุรินทร์ จำนวน 1,544 หน่วย มูลค่า 14,843 ล้านบาท  อันดับ 2 เทพกระษัตรี-ศรีสุนทร  จำนวน 608 หน่วย มูลค่า 3,238 ล้านบาท อันดับ 3 ตลาดใหญ่-ตลาดเหนือ จำนวน 573 หน่วย มูลค่า 1,625 ล้านบาท อันดับ 4 ในเมืองกระทู้ จำนวน 506 หน่วย มูลค่า 1,404 ล้านบาท และอันดับ 5 หาดกมลา จำนวน 207 หน่วย มูลค่า 1,088 ล้านบาท

“ผลสำรวจพื้นที่ภูเก็ต ในครึ่งปีหลัง มีที่อยู่อาศัยเสนอขายรวม 12,869 หน่วย มูลค่า 91,519 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 77.5 และ เพิ่มขึ้นร้อยละ 146.9 แบ่งเป็นบ้านจัดสรร 3,020 หน่วย มูลค่า 15,817 ล้านบาท อาคารชุด 9,849 หน่วย มูลค่า 75,701 ล้านบาท และมีที่อยู่อาศัยเปิดขายใหม่เข้าสู่ตลาด 5,913 หน่วย เพิ่มขึ้นร้อยละ 1,087.3 มูลค่า 48,554 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 1,361.3 ส่วนจำนวนหน่วยขายได้ใหม่มี 4,364 หน่วย เพิ่มขึ้นร้อยละ 186.9 มูลค่า 28,336 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 342 และหน่วยเหลือขาย 8,505 หน่วย เพิ่มขึ้นร้อยละ 48.5 มูลค่า 63,183 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 106.1 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2565 คาดการณ์ ปี 2567 จะมีที่อยู่อาศัยเข้ามาในตลาด 7,071 หน่วย มูลค่า 53,293 ล้านบาท มีหน่วยขายได้ใหม่ 6,037 หน่วย มูลค่า 35,651 ล้านบาท  มีหน่วยเหลือขาย 9,539 หน่วย มูลค่า 71,857 ล้านบาท” นายวิชัย กล่าว

ทั้งนี้ สรุปสถานการณ์ภาพรวมตลาดที่อยู่อาศัย 4 จังหวัดภาคใต้ มีการปรับตัวดีขึ้นทั้งหมด โดยได้รับอานิสงส์ จากภาคการท่องเที่ยวอย่างชัดเจน ซึ่งภูเก็ตเป็นพื้นที่ที่มีการฟื้นตัวเร็วและแรงที่สุด ทั้งในด้านอุปสงค์และอุปทาน ของที่อยู่อาศัยทุกประเภท ซึ่งคาดว่าจะมีการฟื้นตัวต่อเนื่องในปี 2567 ส่วนสงขลามีการฟื้นตัวที่ดีในหาดใหญ่ตามภาคธุรกิจการท่องเที่ยว ซึ่งถือว่าช่วยพลิกเศรษฐกิจในท้องถิ่นช่วยเพิ่มกำลังซื้อที่อยู่อาศัยได้ทุกประเภท ขณะที่สุราษฎร์ธานีมีการฟื้นตัวที่ชัดเจนเช่นเดียวกัน โดยเฉพาะในพื้นที่เกาะสมุย จะเห็นการฟื้นตัวของการขายอาคารชุดและวิลล่า ในขณะที่พื้นที่หลักเช่น อำเภอเมือง มีการฟื้นตัวของแนวราบประเภทบ้านจัดสรร

ส่วนนครศรีธรรมราช เป็นพื้นที่เดียวใน 4 จังหวัดภาคใต้ที่พบว่ามีการฟื้นตัวในอัตราต่ำที่สุด แต่อย่างไรก็ดี ยังเห็นแนวโน้มของการฟื้นตัวขึ้นกว่าปีที่ผ่านมา

“ภาพรวมพื้นที่ 4 จังหวัดภาคใต้ การฟื้นตัวดังกล่าวได้รับแรงส่งจากธุรกิจการท่องเที่ยวโดยตรง แต่ทั้งนี้ผู้ประกอบการยังจำเป็นในการพิจารณารายละเอียดของแต่ละพื้นที่ก่อนเติมอุปทานโครงการใหม่เข้าสู่ตลาดเพื่อไม่ให้เกิดอุปทานที่มากเกินไปในบางพื้นที่” นายวิชัย กล่าวทิ้งท้าย

Back to top button