NAT ลุยประมูลงานรัฐ-เอกชนดัน “แบ็กล็อก” โต รุกจับมือ “เดลล์” ยกระดับบริการ

NAT เดินหน้าประมูลงานรัฐ-เอกชน แย้มมีโครงการในมือรอรับรู้รายได้ 49 โครงการ มูลค่ากว่า 665 ล้านบาท จ่อขยายกลุ่มลูกค้า รุกธุรกิจพลังงาน-การเงิน-โลจิสติกส์ เล็งจับมือ “เดลล์” พัฒนาบริการรับเทรนด์ใหม่ ดันแบ็กล็อกโตแกร่ง


นายสุธี อภิชนรัตนกร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท แนท แอบโซลูท เทคโนโลยีส์ จำกัด (มหาชน) หรือ NAT เปิดเผยถึงทิศทางธุรกิจช่วงไตรมาส 1/2567 คาดการณ์ว่าจะมีแนวโน้มเติบโตต่อเนื่อง จากการรับรู้รายได้งานโครงการพัฒนาระบบเทคโนโลยีของทั้งภาครัฐและเอกชน

โดยปัจจุบันบริษัทมีโครงการในมือที่รอรับรู้รายได้ (Backlog) จำนวน 49 โครงการ มูลค่ารวม 665.81 ล้านบาท ประกอบด้วยงานในกลุ่มการจำหน่ายและติดตั้งอุปกรณ์ที่เกี่ยวข้องกับเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร รวมทั้งกลุ่มการให้บริการอื่นๆ โดยแบ่งเป็นงานภาครัฐจำนวน 85.30% และ งานภาคเอกชน 14.70%

ทั้งนี้ บริษัทมีแผนการเข้าประมูลงานในโครงการขนาดใหญ่และขนาดกลาง ทั้งภาครัฐและเอกชนที่ต้องการลงทุนเพื่อพัฒนาและเพิ่มประสิทธิภาพในระบบเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารขององค์กร ขณะเดียวกันบริษัทมุ่งเน้นการขยายงานในกลุ่มลูกค้าที่หลากหลายมากขึ้น อาทิ ธุรกิจพลังงาน, ธุรกิจการเงิน และธุรกิจโลจิสติกส์ เพื่อสร้างการรับรู้รายได้และเพิ่มความสามารถในการทำกำไรที่มากขึ้น

“ปัจจุบันความต้องการพัฒนาระบบพื้นฐานทางเทคโนโลยีมีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง คาดว่าจะมีโอกาสในการเข้าประมูลโครงการทั้งภาครัฐและเอกชนในปี 2567 มูลค่ารวมประมาณ 2,200 ล้านบาท อีกทั้งบริษัทอยู่ระหว่างการดำเนินการเพื่อเข้ารับงานใหม่ในโครงการประเภท ระบบโครงข่ายโครงสร้างพื้นฐาน ส่งผลให้บริษัทมีงานในมือเพิ่มขึ้นและพร้อมรับรู้รายได้อย่างต่อเนื่อง

ขณะเดียวกันบริษัทเริ่มดำเนินการพัฒนาผลิตภัณฑ์และบริการในประเภทต่าง ๆ อาทิ Cybersecurities, AI, Software Application และ Data Analytic โดยการเพิ่มบุคลากรที่มีความเชี่ยวชาญ ผนวกเข้ากับเทคโนโลยีขั้นสูงของพันธมิตรทางธุรกิจ ได้แก่ เดลล์ เทคโนโลยีส์ เพื่อเพิ่มการให้บริการที่มีความหลากหลายตามเทรนด์ความต้องการด้านเทคโนโลยีของกลุ่มลูกค้าในอนาคต” นายสุธี กล่าว

ด้านผลประกอบการปี 2566 บริษัทมีรายได้รวม 1,558.20 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อนที่มีรายได้รวม 1,093.24 ล้านบาท จำนวน 464.96 ล้านบาท หรือ เพิ่มขึ้น 42.53% กำไรสุทธิ 117.07 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 100.62 ล้านบาท จำนวน 16.45 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 16.35% โดยมีอัตรากำไรสุทธิอยู่ในที่ระดับ 7.51% จากการรับรู้รายได้ในโครงการต่างๆ เพิ่มขึ้น โดยบริษัทสามารถสร้างการเติบโตของผลการดำเนินงานเป็นสถิติใหม่ต่อเนื่องเป็นปีที่ 2

นอกจากนี้ คณะกรรมการบริษัทมีมติอนุมัติให้เสนอจ่ายเงินปันผลเพิ่มในอัตราหุ้นละ 0.025 บาท คิดเป็นจำนวนเงิน 8.20 ล้านบาท หรือคิดเป็นอัตราการจ่ายเงินปันผลประจำปี 2566 อยู่ที่ 7.38% ของกำไรสุทธิของบริษัทหลังหักสำรองตามกฎหมาย โดยกำหนดรายชื่อผู้ถือหุ้นที่มีสิทธิได้รับเงินปันผล (Record Date) ณ วันที่ 30 เม.ย. 67  และกำหนดจ่ายเงินปันผลในวันที่ 17 พ.ค. 67 โดยมติดังกล่าวเตรียมนำเสนอเพื่อขออนุมัติจากที่ประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี 67 วันที่ 19 เม.ย. 67 เพื่อพิจารณาต่อไป

Back to top button