QTCG หุ้นน้องใหม่! แบ็กล็อกแน่น 1.2 พันล้าน เตรียมเคาะราคาไอพีโอ 26 มี.ค.นี้
QTCG หุ้นน้องใหม่! ตุนแบ็กล็อกแน่น 1.2 พันล้านบาท เตรียมเคาะราคาไอพีโอ 26 มี.ค.นี้ เข้าเทรดตลาด mai ระดมทุนใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในการดำเนินธุรกิจปกติของบริษัท
นายธิติวัฒน์ เงินนำโชคธนรัตน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท คิวทีซีจี จำกัด (มหาชน) หรือ QTCG เปิดเผยว่า บริษัทเตรียมเซ็นแต่งตั้งผู้จัดจำหน่ายหลักทรัพย์ และกำหนดราคาขายเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนให้กับประชาชนเป็นครั้งแรก (IPO) ในวันที่ 26 มี.ค. 2567 และมีแผนนำหุ้นเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) ช่วงต้นเดือน เม.ย. 2567 ในหมวดธุรกิจอสังหาริมทรัพย์และก่อสร้าง โดยมีบริษัทหลักทรัพย์ ยูโอบี เคย์เฮียน (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) เป็นที่ปรึกษาทางการเงิน
ทั้งนี้ บริษัทเตรียมขายหุ้นไอพีโอจำนวน 180,000,000 หุ้น คิดเป็นร้อยละ 30 ของจำนวนหุ้นสามัญที่จำหน่ายแล้วทั้งหมดของบริษัทภายหลังการเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนในครั้งนี้ โดยมีมูลค่าที่ตราไว้ (พาร์) หุ้นละ 0.50 บาท โดยมีวัตถุประสงค์ในการระดมทุนครั้งนี้เพื่อนำเงินมาใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในการดำเนินธุรกิจปกติของบริษัท
สำหรับ QTCG ดำเนินธุรกิจด้านงานรับเหมาติดตั้งงานระบบวิศวกรรมประกอบอาคาร (Mechanical & Electrical: M&E) อย่างครบวงจร ด้วยระยะเวลาในการให้บริการงานก่อสร้างระบบวิศวกรรมประกอบอาคารที่สั่งสมยาวนานกว่า 22 ปี นอกจากนี้ บริษัทยังมีบริษัทย่อย คือ บริษัท บริหารสินทรัพย์ สุวรรณภูมิ จำกัด (SAMC) ซึ่งดำเนินธุรกิจเกี่ยวกับการบริหารสินทรัพย์จากการรับซื้อหรือรับโอนลูกหนี้จากสถาบันการเงิน ตลอดจนหลักประกันของลูกหนี้เพื่อนำมาบริหารหรือจำหน่ายจ่ายโอนต่อไป และบริการติดตามทวงหนี้และเรียกเก็บหนี้
นายธิติวัฒน์ กล่าวอีกว่า บริษัทมีกลุ่มลูกค้าเป้าหมายปลายทางที่กระจายอยู่ในหลากหลายอุตสาหกรรมแบบครบวงจร ประกอบด้วยกลุ่มธุรกิจรับเหมาติดตั้งงานระบบในอาคาร เช่นงานไฟฟ้า และสื่อสาร รวมถึงรับเหมาติดตั้งงานระบบอากาศ, รับเหมาติดตั้งงานสุขภิบาลและประปา, รับเหมาติดตั้งงานระบบประกันภัยในอาคารขนาดใหญ่ นอกจากนี้บริษัทฯมีธุรกิจที่ซัพพอร์ตมีหลากหลายธุรกิจ อาทิเช่น อาคารขนาดใหญ่, โรงแรม, โรงไฟฟ้า, โรงงานอุตสาหกรรม, โรงปิโตรเคมีคอล, ดาต้าเซนเตอร์, โรงพยาบาล และกลุ่มคอนโดมีเนียม เป็นต้น
โดยปัจจุบันบริษัทมีงานในมือ (Backlog) มูลค่า 1,200 ล้านบาท ซึ่งจะทยอยรับรู้รายได้ต่อเนื่องนับตั้งแต่ปี 2567-2568 ขณะที่ปีนี้บริษัทฯมีงานในมือที่เป็นโครงการที่โดดเด่นประกอบด้วย โครงการ KIS International school มูลค่ากว่า 100 ล้านบาท, โครงการ CIB International school มูลค่า 340 ล้านบาท และโครงการ คอนโด ชูช์ ราชเทวี (SHUSH) ซึ่งเป็นโครงการของ บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) หรือ SIRI รับงานต่อจากบริษัท ฑีฆาก่อสร้าง จำกัด (มหาชน) หรือ TEKA เป็นต้น
ส่วนผลการดำเนินงานในช่วงที่ผ่านมาระหว่างปี 2562-2565 พบว่าในปี 2562 มีรายได้รวม 700 ล้านบาท ต่อมาในปี 2563 มีรายได้รวม 400 ล้านบาท ซึ่งเป็นช่วงเกิดโควิด-19 ทำให้งานชะลอตัวลงไป ขณะที่ในปี 2564 มีรายได้รวม 600 ล้านบาท และในปี 2565 มีรายได้รวมกว่า 900 ล้านบาท
ขณะเดียวกับบริษัทฯ มีนโยบายการจ่ายเงินปันผลในอัตราไม่ต่ำกว่าร้อยละ 40 ของกำไรสุทธิหลังหักภาษีและเงินสำรองต่างๆทุกประเภทที่บริษัทได้กำหนดไว้
“ทั้งนี้ บริษัทยังมองหาโอกาสในการขยายธุรกิจไปในต่างประเทศเพิ่มเติม ซึ่งหากพิจารณาแล้วว่าเหมาะสมแก่การลงทุน พร้อมสร้างการเติบโตที่ดีก็พร้อมที่จะเข้าไปลงทุน” นายธิติวัฒน์ กล่าวทิ้งท้าย