สยามพิวรรธน์ โชว์ยอดขายแบรนด์หรูปี 66 พุ่งสะสม 300% ได้รับเกียรติบริหาร LV Café กรุงเทพ
“สยามพิวรรธน์” โชว์ยอดขายแบรนด์หรูปี 66 สูงสุดเป็นประวัติการณ์เติบโตสะสม 300% ตอกย้ำจุดยืนผู้นำ “Luxury Retail” ในไทย พร้อมสะท้อนภาพลักษณ์ Luxury Destination ที่หนึ่งในใจลูกค้าแบรนด์หรูทั่วโลก โดยล่าสุดสยามพิวรรธน์ยังได้รับเกียรติให้บริหาร Le Café Louis Vuitton ร้านคาเฟ่แห่งใหม่ใจกลางกรุงเทพฯ ของหลุยส์ วิตตอง อีกด้วย
บริษัท สยามพิวรรธน์ จำกัด ผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์และธุรกิจค้าปลีกชั้นนำเจ้าของ และผู้บริหารจุดหมายปลายทางระดับโลก อย่าง สยามพารากอน ไอคอนสยาม และ สยาม พรีเมี่ยม เอาท์เล็ต กรุงเทพ เปิดเผยว่า ประกาศความสำเร็จหลังยอดขายแบรนด์หรูปี 2566 สูงสุดเป็นประวัติการณ์พร้อมเติบโตอย่างก้าวกระโดดในช่วง 3-4 ปีที่ผ่านมา ซึ่งส่งผลให้อัตราการเติบโตสะสมถึง 300%
โดยช่วยตอกย้ำภาพลักษณ์จุดยืนผู้นำในตลาด “Luxury Retail” ในประเทศไทยอันโดดเด่นผ่านการเติบโตของลักซ์ซูรี่แบรนด์ระดับโลกได้อย่างชัดเจน และล่าสุด กลุ่มสยามพิวรรธน์ ยังได้รับเกียรติให้ดำเนินการบริหาร “Le Café LouisVuitton” ร้านคาเฟ่แห่งใหม่ใจกลางกรุงเทพฯ ของ “หลุยส์ วิตตอง”
ขณะที่ในปี 2566 สยามพารากอน และไอคอนสยาม สามารถทำยอดขายสูงสุดเป็นประวัติการณ์ ซึ่งเติบโตอย่างก้าวกระโดดในช่วง 3-4 ปีที่ผ่านมา ทำให้ศูนย์การค้าของกลุ่มสยามพิวรรธน์ครองแชมป์ส่วนแบ่งตลาดรวมกันสูงสุดในตลาด “Luxury Retail” ในประเทศไทย และยังเป็นศูนย์การค้าที่เป็น (Preferred choice) สำหรับแบรนด์ดังต่างๆ ที่ต้องการจะเปิดร้านค้าแห่งแรกหรือการขยายธุรกิจเพื่อสร้างแฟล็กชิพสโตร์ระดับโลก
นอกจากตัวเลขยอดขายสะท้อนความสำเร็จแล้วยังพบการเติบโตของลักซ์ซูรีแบรนด์ใหม่ ที่เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของศูนย์การค้าของกลุ่มสยามพิวรรธน์ โดยในปี 2566 แบรนด์ดังระดับโลกได้เปิดลักซ์ซูรีบูติกแห่งใหม่จำนวน 35 แบรนด์ ทั้งที่ สยามพารากอน และไอคอนสยาม รวมถึงมีแผนงานที่จะเปิดอีก 20 แบรนด์ในปี 2567 บูติกสโตร์ที่เปิดใหม่นี้ รวมถึง Loro Piana แบรนด์แฟชั่นเรียบหรูจากอิตาลี ที่เปิดบูติกแห่งแรกในประเทศไทยกับแฟชั่นแบรนด์เนมยอดนิยม อย่าง Louis Vuitton และ Fendi ซึ่งเปิดบูติกสำหรับผู้ชายแห่งแรกที่สยามพารากอน
รวมทั้งนาฬิกาแบรนด์หรูที่มาเปิดบูติกแห่งใหม่ อาทิ Breitling, Chopard,Franck Muller, Gucci Watch, IWC, Jaeger Le Coultre, Panerai,Piaget, Rolex, Tag Heuer, Tudor, Vacheron Constantin และ Zenith ซึ่งบูติกส่วนใหญ่เป็นแบรนด์ที่เปิดครั้งแรกในประเทศไทยพร้อมความเอ็กซ์คลูซีฟเฉพาะที่สยามพารากอน เท่านั้น
นอกจากนี้ ตลอดปี 2566 สยามพารากอน และไอคอนสยามยังได้รับเลือกจากแบรนด์หรูให้เป็นพื้นที่สำหรับการเปิด Pop-up Store และจัดแสดงนิทรรศการจำนวน 24 ครั้งรวมทั้งงานโชว์เคสครั้งยิ่งใหญ่ในไทย “Hermès in the Making” นิทรรศการที่เนรมิตพื้นที่ (The Pinnacle) ของไอคอนสยามถ่ายทอดเรื่องราวความประณีตของช่างฝีมือ 10 คน จากโรงผลิตของแบรนด์ที่นำเสนอเทคนิคงานคราฟต์ผ่านการสาธิตการเวิร์กช้อป และกิจกรรมต่างๆ ที่ใส่ใจในทุกรายละเอียด ขณะที่ ได้รับความสนใจจากผู้เข้าชมอย่างล้นหลาม และในปี 2567 คาดการณ์ว่าจะมีการเปิด Pop-upStore พร้อมจัดแสดงนิทรรศการมากกว่า 23 งาน เพื่อสร้างประสบการณ์สุดพิเศษให้กับลูกค้าอย่างต่อเนื่อง
ทั้งนี้ ไอคอนสยามเตรียมขยายพื้นที่สำหรับลักซ์ซูรี่เพิ่มอีกเท่าตัวในปี 67 โดยเตรียมเผยโฉมร้านใหม่ในรูปแบบดูเพล็กซ์ (Duplex) ของแบรนด์ดัง ซึ่งจะเป็นบูติกแห่งแรกในประเทศไทยด้วยความมุ่งมั่นในการสร้างปรากฏการณ์ลักซ์ซูรี่ระดับโลกเพื่อตอบโจทย์การใช้ชีวิตแบบลักซ์ซูรี่แห่งโลกอนาคตสยามพิวรรธน์ยังคงร่วมมือกับแบรนด์ดังระดับโลกในการcurateสินค้าและบริการในรูปแบบใหม่ๆทั้งในสยามพารากอนและไอคอนสยาม
โดยเสริมศักยภาพเพื่อให้สามารถส่งมอบประสบการณ์การใช้ชีวิตแบบพรีเมียมหลากหลาย และดึงดูดลูกค้าทั้งคนไทย และนักท่องเที่ยวต่างชาติกว่า 350,000 คนต่อวันความสำเร็จอย่างต่อเนื่องในธุรกิจลักซ์ซูรีในประเทศไทยจะเปิดทางให้ศูนย์การค้าในเครือของสยามพิวรรธน์เดินหน้าสู่เป้าหมายการเป็นจุดหมายปลายทางลักซ์ซูรี่ (Luxury Destination) ที่ดีที่สุดในเอเชีย