KBANK ชี้กรอบบาทสัปดาห์หน้า 36-36.90 บ. จับตาตัวเลขส่งออกไทย

KBANK คาดกรอบเคลื่อนไหวค่าเงินบาทสัปดาห์หน้า (25-29 มี.ค.67) ที่ระดับ 36.00-36.90 บาท/ดอลลาร์ จับตาทิศทางเงินทุนต่างชาติ ตัวเลขการส่งออกและรายงานเศรษฐกิจและการเงินเดือนก.พ. ของไทย


ธนาคารกสิกรไทย (KBANK) คาดกรอบเคลื่อนไหวค่าเงินบาทสัปดาห์หน้า (25-29 มี.ค.67) ที่ระดับ 36.00-36.90 บาท/ดอลลาร์ จากปิดตลาดในวันศุกร์ที่ 22 มี.ค.67 ที่ระดับ 36.38 บาท/ดอลลาร์ ในช่วงต้นสัปดาห์เงินบาทอ่อนค่าลงสอดคล้องกับภาพรวมการเคลื่อนไหวของสกุลเงินอื่นๆ ในภูมิภาค

ขณะที่เงินดอลลาร์ฯ ได้แรงหนุนในช่วงก่อนการประชุมธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ซึ่งถูกคาดหมายว่า อาจมีการปรับทบทวนตัวเลขประมาณการเศรษฐกิจและมุมมองต่อทิศทางดอกเบี้ยของสหรัฐฯ

นอกจากนี้เงินบาทยังอ่อนค่าลงตามค่าเงินเยน หลังผลการประชุมธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) ออกมาสอดคล้องกับที่ตลาดคาด (ทั้งในส่วนของการปรับอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นขึ้นมาที่กรอบ 0.0-0.1% การยุติ Yield Curve Control และการยกเลิกการเข้าซื้อ ETFs และ J-REITs) ขณะที่สัญญาณจากผู้ว่าการ BOJ สะท้อนว่า BOJ จะยังไม่ปรับท่าทีไปในเชิงคุมเข้มทันทีในระยะเวลาอันใกล้นี้

โดยเงินบาทกลับมาแข็งค่าขึ้นช่วงสั้นๆ หลังผลการประชุมเฟด ซึ่งแม้เฟดจะมีการปรับเพิ่มตัวเลขประมาณการเศรษฐกิจและเงินเฟ้อของสหรัฐฯ ตามคาด แต่มุมมองของเจ้าหน้าที่เฟดต่อแนวโน้มดอกเบี้ยนโยบายผ่าน Dot plot ยังคงสะท้อนโอกาสของการลดดอกเบี้ย 3 ครั้งไว้ตามเดิม

อย่างไรก็ดี เงินบาทกลับมาอ่อนค่าอีกครั้งในช่วงที่เหลือของสัปดาห์ ขณะที่เงินดอลลาร์ฯ มีแรงหนุนจากสัญญาณผ่อนคลายนโยบายการเงินของของธนาคารกลางอื่นๆ อาทิ ธนาคารกลางสวิตเซอร์แลนด์ที่ปรับลดดอกเบี้ยเหนือการคาดการณ์ของตลาด และธนาคารกลางอังกฤษที่ส่งสัญญาณว่าอาจมีการผ่อนคลายนโยบายการเงินในระยะข้างหน้า

นอกจากนี้ เงินบาทยังมีปัจจัยลบเพิ่มเติมจากสถานะขายสุทธิหุ้นและพันธบัตรไทยของนักลงทุนต่างชาติ และจังหวะการย่อตัวลงของราคาทองคำในตลาดโลกในช่วงปลายสัปดาห์ด้วยเช่นกัน

ทั้งนี้ในสัปดาห์หน้าปัจจัยสำคัญที่ต้องติดตาม ได้แก่ ทิศทางเงินทุนต่างชาติ ตัวเลขการส่งออกและรายงานเศรษฐกิจและการเงินเดือนก.พ. ของไทย

ขณะที่ตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่สำคัญ ได้แก่ ยอดขายบ้านใหม่ ยอดสั่งซื้อสินค้าคงทน ยอดทำสัญญาขายบ้านที่รอปิดการขาย รายได้/รายจ่ายส่วนบุคคล และดัชนีราคา PCE และ Core PCE เดือนก.พ. ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนมี.ค. และตัวเลขจีดีพีไตรมาส 4/66 (final) นอกจากนี้ตลาดยังรอติดตามข้อมูลกำไรภาคอุตสาหกรรมเดือนม.ค.-ก.พ. ของจีน และตัวเลขจีดีพีไตรมาส 4/66 ของอังกฤษด้วยเช่นกัน

Back to top button