QTCG เคาะราคาไอพีโอ 1.20 บาท จองซื้อ 27-29 มี.ค. ก่อนลุยเทรด 4 เม.ย.นี้

QTCG เคาะราคา IPO ที่ 1.20 บาท/หุ้น เปิดจองซื้อ 27-29 มี.ค. ดีเดย์เข้าเทรด mai วันที่ 4 เม.ย.นี้ ชูจุดเด่นหุ้นสายงานระบบวิศวกรรมภายในอาคารแบบครบวงจรชั้นนำของประเทศ ระดมทุน 200 ล้านบาท เพิ่มศักยภาพความแข็งแกร่งฐานะทางการเงิน สู่การต่อยอดการลงทุนโครงการใหม่


ดร.วีรพัฒน์ เพชรคุปต์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์ ทรีนีตี้ จำกัด (มหาชน) หรือ TRINITY ในฐานะผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่ายร่วม (Joint Lead Underwriter) ของ บริษัท คิวทีซีจี จำกัด (มหาชน) หรือ QTCG เปิดเผยว่า บริษัทฯ ได้กำหนดราคาเสนอขายหุ้นสามัญให้กับประชาชนทั่วไป (IPO) ของ QTCG จำนวน 180 ล้านหุ้น ในราคาหุ้นละ 1.20 บาท คิดเป็นอัตราส่วนราคาต่อกำไรสุทธิ (P/E ratio) เท่ากับ 32.69 เท่า เทียบกับอุตสาหกรรมที่มี (P/E Ratio) ที่ 33.16 – 39.77 เท่า ซึ่งถือเป็นระดับราคาที่เหมาะสม โดยกำหนดเปิดให้จองซื้อหุ้นในระหว่างวันที่ 27-29 มี.ค.67

โดยเม็ดเงินที่ QTCG จะได้จากการระดมทุนในครั้งนี้จำนวน 200.40 ล้านบาท จะเพิ่มศักยภาพความแข็งแกร่งฐานะทางการเงินให้กับบริษัทฯ สู่การต่อยอดการลงทุนสำหรับโครงการใหม่ๆ ในอนาคต ทำให้เชื่อว่าความสำเร็จภายใต้การระดมทุนของ QTCG จะเป็นอีกหนึ่งก้าวที่สำคัญในการสร้างโอกาสการเติบโตให้กับบริษัทฯ อย่างมีนัยสำคัญ

ทั้งนี้เชื่อว่าการเสนอขายหุ้นครั้งนี้จะได้รับการตอบรับที่ดีจากนักลงทุน เนื่องจาก QTCG เป็นหนึ่งฟันเฟืองที่ต่อยอดความสำเร็จในการสร้างรากฐานธุรกิจอสังหาริมทรัพย์และก่อสร้างในการวางระบบวิศวกรรมภายในอาคาร ดังนั้นจึงมั่นใจว่า QTCG จะเป็นหุ้น Growth Stock ที่สร้างมูลค่าเพิ่มสู่การเติบโตอย่างแข็งแกร่งและยั่งยืนในอนาคต

นายธิติวัฒน์ เงินนำโชคธนรัตน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร QTCG เปิดเผยว่า บริษัทฯ พร้อมเข้าทำการซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์เอ็ม เอ ไอ (mai) หมวดธุรกิจอสังหาริมทรัพย์และก่อสร้างวันที่ 4 เม.ย.นี้  โดยใช้ชื่อย่อในการซื้อขายภายใต้ “QTCG”

สำหรับเม็ดเงินที่ได้จากการระดมทุนในครั้งนี้จะนำไปใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในการดำเนินธุรกิจปกติของบริษัทฯ ภายในปี 67-68 ซึ่งจะช่วยเพิ่มศักยภาพในการขยายโอกาสต่อยอดธุรกิจ ให้มีความมั่นคงเพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน และสร้างความยั่งยืนให้กับองค์กรในระยะยาว สู่การก้าวเป็นผู้นำธุรกิจให้บริการด้านรับเหมาติดตั้งงานระบบวิศวกรรมประกอบอาคาร (Mechanical & Electrical: M&E) อย่างครบวงจรของประเทศไทย

อนึ่ง QTCG ดำเนินธุรกิจด้านงานรับเหมาติดตั้งงานระบบวิศวกรรมประกอบอาคารอย่างครบวงจร ประกอบด้วย 1) การให้บริการงานรับเหมาติดตั้งงานระบบและการสื่อสาร 2) การให้บริการงานรับเหมาติดตั้งงานระบบปรับอากาศและระบายอากาศ 3) การให้บริการรับเหมาติดตั้งงานระบบสุขาภิบาลและระบบประปา และ 4) การให้บริการงานรับเหมาติดตั้งงานระบบป้องกันอัคคีภัยภายในอาคาร ด้วยประสบการณ์ที่สั่งสมยาวนานกว่า 23 ปี ทำให้บริษัทฯ มีทีมวิศวกรที่มากด้วยประสบการณ์และมีศักยภาพให้บริการรับเหมาติดตั้งงานระบบวิศวกรรมภายในอาคารให้กับโครงการคุณภาพมาแล้วมากกว่า 1,000 โครงการ

โดยมีกลุ่มลูกค้ากระจายอยู่ในหลากหลายอุตสาหกรรม ประกอบด้วย กลุ่มโรงไฟฟ้า, กลุ่มโรงงานอุตสาหกรรม, กลุ่มอาคาร, กลุ่มโรงพยาบาล และ กลุ่มโรงแรม เป็นต้น โดยทุกโครงการที่ QTCG เข้าไปดำเนินการรับเหมาติดตั้งงานระบบวิศวกรรมประกอบอาคารจะเป็นโครงการระดับพรีเมี่ยม เกรด

อาทิ โครงการ Andaz Resort Pattaya, โครงการอาคารหอประชุมกองทัพบก, โรงแรมคาเพลลา, อาคาร จี แลนด์ พระราม 9, คอนโดมิเนียม Khun By Yoo, อาคารพักอาศัยของสำนักงานปลัดกระทรวงกลาโหม, โครงการงานปรับปรุงพื้นที่ตึกผู้ป่วยนอกโรงพยาบาลศิริราช, โครงการอาคารโรงงาน ITC- 3.2 (สมุทรสาคร) เป็นต้น

นอกจากโครงการที่สร้างชื่อเสียงในข้างต้นแล้ว บริษัทฯ เชื่อว่าการระดมทุนในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ ครั้งนี้ จะช่วยสนับสนุนให้ฐานะทางการเงินของ QTCG มีความแข็งแกร่งมากยิ่งขึ้น สู่การขับเคลื่อนสำหรับการรองรับการเข้าประมูลโครงการใหญ่ในอนาคต เพื่อต่อยอดและขยายฐานงานเดิมที่มีอยู่

โดย ณ วันที่ 25 ธ.ค.66 บริษัทฯ มีมูลค่างานที่ยังไม่ได้รับรู้รายได้ประมาณ 1,158 ล้านบาท ส่วนใหญ่เป็นงานขนาดใหญ่ในกลุ่มลูกค้าที่มีชื่อเสียงต่อเนื่องจากโครงการเดิม อาทิ โครงการ CIB International school, โครงการ คอนโด ชูช์ ราชเทวี (SHUSH), โครงการก่อสร้างอาคารกระทรวงมหาดไทย, โครงการพัฒนาพื้นที่ส่วนขยาย ศูนย์ราชการเฉลิมพระเกียรติ ๘๐ พรรษา ๕ ธันวาคม ๒๕๕๐ โซน C, โครงการวัน อมตะ, โครงการก่อสร้างอาคารใหม่ตลาดยิ่งเจริญ, โครงการ KIS International school เป็นต้น

พร้อมกันนี้ยังประเมินภาพรวมอุตสาหกรรมรับเหมาก่อสร้างในปี 67ว่า จะมีการขยายตัวที่ดีขึ้นเมื่อเทียบช่วงเดียวกันในปีก่อน ซึ่งเป็นผลจากการกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐ การเร่งเบิกจ่ายงบประมาณปี 67 ในช่วงเดือนมิ.ย.-ก.ย.67 ส่งผลให้โครงการก่อสร้างต่างๆ ต้องเร่งเดินหน้าลงทุน ซึ่งจากปัจจัยดังกล่าวจะเป็นตัวเร่งผลักดันให้ภาคเอกชนมีการลงทุนเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ ซึ่ง QTCG จะได้รับอานิสงค์จากแผนกระตุ้นการก่อสร้างจากปีงบประมาณดังกล่าวด้วย โดยจะทำให้ผลการดำเนินงานในปี 67 มีแนวโน้มเติบโตอย่างก้าวกระโดด

ด้านนายกิตติชัย นาคะประเสริฐกุล รองกรรมการผู้จัดการอาวุโส ฝ่ายวาณิชธนกิจ บริษัทหลักทรัพย์ ยูโอบี เคย์เฮียน (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ในฐานะบริษัทที่ปรึกษาทางการเงินและผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่ายร่วม (Joint Lead Underwriter) กล่าวว่า ด้วยศักยภาพความแข็งแกร่งในการเป็นผู้นำธุรกิจรับเหมาก่อสร้างงานระบบวิศวกรรมประกอบอาคารแบบครบวงจรระดับชั้นนำของประเทศ และด้วยประสบการณ์ของทีมผู้บริหารที่ดำเนินธุรกิจมากว่า 23 ปี ทำให้ QTCG มีฐานลูกค้าในหลากหลายอุตสาหกรรม และได้ดำเนินการก่อสร้างและติดตั้งงานระบบให้กับโครงการชั้นนำทั้งภาครัฐและเอกชนมาแล้วมากกว่า 1,000 โครงการ

ทั้งนี้ สะท้อนให้เห็นถึงมาตรฐานการทำงานอย่างมีระบบ ซึ่งจากทีมงานวิศวกรที่มีประสบการณ์มืออาชีพ ทำให้บริษัทฯ สามารถรับงานในโครงการที่มีขนาดใหญ่ระดับ 500-600 ล้านบาท ต่อโครงการได้ จนทำให้บริษัทฯ มีเติบโตด้านรายได้จากมูลค่างานในมือกว่า 1,158 ล้านบาท ซึ่งเป็นระดับที่สูงที่สุดตั้งแต่ก่อตั้งบริษัทฯ

นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังมีอัตราความสามารถในการทำกำไรสูงเมื่อเทียบกับคู่แข่งในอุตสาหกรรม โดยมีอัตรากำไรขั้นต้นประมาณร้อยละ 14 ในขณะที่คู่แข่งในอุตสาหกรรมมีค่าเฉลี่ยส่วนใหญ่ร้อยละ 4-9 รวมถึงยังมีทรัพย์สินที่ซ่อนอยู่ (Hidden asset) ในบริษัทฯ ซึ่งยังไม่ได้สะท้อนในงบการเงิน ได้แก่ ทรัพย์สินรอการขาย ซึ่งมีราคาทุน 63.70 ล้านบาท ในขณะที่ราคาประเมินอยู่ที่ 115.88 ล้านบาท และใบอนุญาตประกอบกิจการบริหารสินทรัพย์ซึ่งยังไม่ได้ถูกประเมินมูลค่า

สำหรับผลการดำเนินงานในปี 64-66 มีรายได้จากงานก่อสร้างและงานบริการ 625.48 ล้านบาท 905.50 ล้านบาท และจำนวน 751.72 ล้านบาท ตามลำดับ และมีกำไรสุทธิ 23.43 ล้านบาท 101.76 ล้านบาท 22.03 ล้านบาท ตามลำดับ นอกจากนี้ บริษัทฯ มีเครดิตที่ดีกับสถาบันการเงินทำให้มีโอกาสในการได้รับการเสนอสินเชื่อจากสถาบันการเงินอย่างต่อเนื่อง และมีอัตราดอกเบี้ยที่แข่งขันได้ ซึ่งสิ่งเหล่านี้สะท้อนถึงความมั่นคงของบริษัทฯ ดังนั้นจึงมองว่าหุ้น QTCG เป็นหุ้น Growth Stock ที่สร้างมูลค่าเพิ่มให้กับบริษัทฯ และผู้ถือหุ้นในอนาคต

Back to top button