โบรกเชียร์ซื้อ SFLEX เป้า 4.60 บ. ลุ้นกำไร Q1 นิวไฮ 52 ล้านบาท
SFLEX ลุ้นกำไรไตรมาส 1/67 นิวไฮ แตะ 52 ล้านบาท โต 25% รับรายได้ลูกค้าสต็อกสินค้าเพิ่มหลังภาคบริโภคฟื้น-ค่าใช้จ่ายลด ฟากโบรกแนะนำ “ซื้อ” ราคาเหมาะสม 4.60 บาท ชี้ราคาหุ้นถูก-พีอีต่ำเพียง 11.40 เท่า
บริษัทหลักทรัพย์ หยวนต้า (ประเทศไทย) จำกัด ระบุในบทวิเคราะห์วันนี้ (27 มี.ค. 67) ว่า คาดการณ์กำไรปกติในไตรมาส 1/2567 ของบริษัท สตาร์เฟล็กซ์ จำกัด (มหาชน) หรือ SFLEX อยู่ที่ 52 ล้านบาท เติบโต 25% จากไตรมาสก่อนหน้า และเพิ่มขึ้น 30% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ถือเป็นการทำระดับสูงสุดใหม่รายไตรมาส
โดยการเติบโตรายไตรมาสนั้น ได้แรงหนุนจากรายได้รวมที่คาดการณ์ว่าจะเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ระดับ 460 ล้านบาท (เพิ่มขึ้น 5% จากไตรมาสก่อนหน้า) เป็นไปตามปัจจัยฤดูกาล (กลุ่มลูกค้าเริ่มมีการสต็อกสินค้าเพื่อเตรียมพร้อมสำหรับการบริโภคที่จะเร่งตัวขึ้นในช่วงเทศกาลสงกรานต์) และค่าใช้จ่ายในการบริหาร (SG&A) ที่คาดการณ์ว่าจะลดลงมาอยู่ที่ราว 55 ล้านบาท หลังจากไม่มีค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับการเข้าลงทุนในธุรกิจบรรจุภัณฑ์ในเวียดนาม (Starprint VN: SPV)
ด้านการเติบโตแบบรายปี คาดการณ์กำไรปกติสามารถเติบโตได้แม้จะมีค่าใช้จ่าย SG&A และต้นทุนทางการเงินสูงขึ้นมาก (สาเหตุจากการเพิ่มขึ้นค่าแรงและการกู้เงินมาลงทุนใน SPV) เนื่องจากประเมินอัตรากำไรขั้นต้นที่เพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 25% (เทียบกับ 20.50% ในไตรมาส 1/2567) และการเริ่มรับรู้ส่วนแบ่งกำไรจากธุรกิจบรรจุภัณฑ์ในเวียดนาม SPV ราว 8 ล้านบาท หลังการเข้าลงทุนเสร็จสิ้นในเดือน ธ.ค. สามารถชดเชยผลกระทบได้ หากกำไรปกติไตรมาส 1/2567 ออกมาใกล้เคียงคาดการณ์จะคิดเป็นสัดส่วน 23% ของประมาณการทั้งปี
เบื้องต้น ฝ่ายวิเคราะห์คาดการณ์กำไรปกติในไตรมาส 2/2567 ที่ระดับ 50 ล้านบาท ลดลงจากไตรมาสก่อนหน้าตามปัจจัยฤดูกาลหลังผ่านช่วงของการสต็อกสินค้า แต่ยังสามารถทรงตัวได้จากช่วงเดียวกันของปีก่อน แม้จะมีค่าใช้จ่าย SG&A และต้นทุนทางการเงินสูงขึ้น อย่างไรก็ตาม ผลกระทบจากปัจจัยดังกล่าวจะถูกชดเชยจากการรับรู้ส่วนแบ่งกำไรจาก SPV ราว 8-10 ล้านบาท/ไตรมาส
สำหรับช่วงครึ่งหลังของปี 2567 นี้ คาดการณ์กำไรปกติสามารถเติบโตได้ทั้งจากช่วงครึ่งปีแรกและจากช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยได้รับแรงหนุนจาก 1) การรับรู้ส่วนแบ่งกำไรจาก SPV 2) คาดการณ์ระดับการบริโภคในประเทศจะฟื้นตัวต่อเนื่องหลังการอนุมัติงบประมาณประจำปี 2567 ทำให้มีการใช้มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจต่อเนื่อง (หนุนการเติบโตของรายได้ตั้งแต่ช่วงไตรมาส 3/2567เป็นต้นไป) และ 3) การเริ่มรับรู้รายได้จาก Star Union (โครงการที่ทำร่วมกับกลุ่ม TU โดยบริษัทเข้าถือหุ้น 51%)หลังเริ่มเปิดโรงงานในช่วงไตรมาส 4/2567
ทั้งนี้ ฝ่ายวิเคราะห์ยังคงแนะนำ “ซื้อ” หุ้น SFLEX ราคาเหมาะสม ณ สิ้นปี 2567 ที่ 4.60 บาท/หุ้น (อิง PER 16.5 เท่า) โดยราคาหุ้นได้มีการปรับตัวลงราว 6% ในช่วง 1 เดือนที่ผ่านมา หลังถูกกดดันจากกำไรในไตรมาส 4/2566 ออกมาต่ำกว่าที่ตลาดคาดการณ์ (ตลาดคาดที่ระดับ 50 ล้านบาท) ส่งผลให้ราคาปัจจุบันซื้อขายบน PER ของปี 2567 เพียง 11.40 เท่า ใกล้เคียงค่าเฉลี่ย PER ย้อนหลัง 4 ปี -1.5SD หรือคิดเป็น PEG เพียง 0.8 เท่า (อิงอัตราการเติบโตระหว่างปี 2567-2569 ที่ระดับ 14% CAGR) จึงมองว่าหุ้นมี Downside อีกไม่มาก