เปิด 7 หุ้น รับความคืบหน้า “ดิจิทัล วอลเล็ต” วงเงิน 5 แสนล้าน
เปิดโผ 7 หุ้น รับประโยชน์นโยบายคืบหน้าโครงการ “Digital Wallet” 10,000 บาท วงเงิน 5 แสนล้านบาท มีมุมมองบวกต่อหุ้นค้าปลีก และหุ้น Digital Tech ได้แก่ BJC-BCG-CRC-CPALL-HMPRO-CPAXT-BE8
ผู้สื่อข่าวรายงานจากกรณี นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เป็นประธานประชุมคณะกรรมการนโยบายโครงการเติมเงิน 10,000 บาท ผ่าน Digital Wallet ครั้งที่ 2/2567 เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจจึงมีความจำเป็นอย่างยิ่ง ซึ่งโครงการเติมเงินผ่านดิจิทัลวอลเล็ตเป็นหนึ่งในมาตรการระยะสั้น เพื่อเพิ่มเงินหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจ
โดยยังได้มอบให้กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม และบอร์ดรัฐบาลดิจิทัล (คณะกรรมการสำนักงานพัฒนารัฐบาลดิจิทัล สรุปการพัฒนาระบบและการจัดทำในลักษณะเปิด หรือ Open Ioop เพื่อให้สถาบันการเงินและผู้ประกอบธุรกิจกระเป๋าเงินเข้าร่วมโครงการ อีกทั้งมอบหมายให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติวางกรอบการตรวจสอบวินิจฉัย ร้องทุกข์ กล่าวโทษและการเรียกเงินคืน โดยให้ทุกหน่วยงานรายงานที่ประชุมวันที่ 10 เมษายน 2567 ซึ่งจะได้ข้อสรุปทั้งหมดและเสนอคณะรัฐมนตรี (ครม.) พิจารณาภายในเดือนเมษายนนี้
ทั้งนี้ สอดคล้องกับบทวิเคราะห์ฝ่ายวิจัย บริษัทหลักทรัพย์ เอเซีย พลัส จำกัด ระบุถึงความคืบหน้าล่าสุดของโครงการเติมเงินดิจิทัลวอลเล็ต 10,000 บาท ผ่าน DIGITAL WALLET ด้วยกรอบวงเงิน 5 แสนล้านบาท หลังจากนายกฯ ได้มอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเดินหน้าดำเนินการในส่วนต่างๆ
โดยกระทรวงการคลัง และสำนักงบประมาณ เสนอความเป็นไปได้ของแหล่งเงินที่จะนำมาใช้ในโครงการดิจิทัลวอลเล็ต นอกเหนือจากการออก พ.ร.บ.กู้เงิน รวมถึงกระทรวงพาณิชย์ จะเป็นผู้สรุปหลักเกณฑ์ร้านค้า ส่วนกระทรวง DE และบอร์ดรัฐบาลดิจิทัล สรุปการพัฒนาระบบ และการจัดทำในลักษณะเปิด (OPEN LOOP) เพื่อให้สถาบันการเงิน และผู้ประกอบธุรกิจเข้าร่วมโครงการ รวมถึงยังมีสำนักงานตำรวจแห่งชาติ วางกรอบวินิจฉัยร้องทุกข์กล่าวโทษ และการเรียกเงินคืน
ทั้งนี้ นายกฯ ได้กำหนดให้หน่วยงานข้างต้นชี้แจงรายละเอียดความชัดเจนทั้งหมด พร้อมกับรายงานในที่ประชุมคณะกรรมการใหญ่วันที่ 10 เมษายน 2567 อีกครั้งก่อนจะนำเข้าสู่ ครม. ภายในเดือนเมษายน 2567 พร้อมยืนยัน TIMELINE โครงการฯ โดยจะมีการ ลงทะเบียนร้านค้า และประชาชนในไตรมาส 3/2567 และเงินจะถึงประชาชนในไตรมาส 4/2567
สำหรับกรอบเวลาของโครงการฯ ที่ยังคงเดินหน้าและชัดเจนมากขึ้น โดยรัฐบาลยืนยันว่าประชาชนจะได้รับเงิน 10,000 บาท ภายในสิ้นปีนี้อย่างแน่นอน คาดการณ์ว่าจะเป็นช่วงไตรมาส 4/2567 ถือเป็นปัจจัยบวกต่อภาคการบริโภคภายในประเทศ ซึ่งมีสัดส่วนสูงถือ 58% ของ GDP (ข้อมูลปี 2566) และเชื่อว่าจะเป็นแรงหนุนให้ C ขยายตัวได้ต่อเนื่อง
ดังนั้น ถือเป็นปัจจัยบวกต่อภาคการบริโภคภายในประเทศ จึงมองเป็น SENTIMENT บวกต่อหุ้นกลุ่มค้าปลีก อาทิ บริษัท เบอร์ลี่ ยุคเกอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ BJC, บริษัท คาราบาวกรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ CBG, บริษัท เซ็นทรัล รีเทล คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ CRC, บริษัท ซีพี ออลล์ จำกัด (มหาชน) หรือ CPALL และ บริษัท โฮม โปรดักส์ เซ็นเตอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ HMPRO
ขณะเดียวกัน บริษัทหลักทรัพย์ กรุงศรี พัฒนสิน จำกัด (มหาชน) ระบุว่า ปลัดกระทรวงการคลัง เปิดเผย ที่ประชุมคณะอนุกรรมการนโยบาย Digital Wallet มีมติกระทรวงการคลังและสำนักงานงบประมาณหาข้อสรุปแหล่งเงินทุน 5 แสนล้านบาท ก่อนนำแนวทางทั้งหมดนโยบายเสนอคณะกรรมการใหญ่ในวันที่ 5 เมษายน 2567
ทั้งนี้ ปัจจุบันกำหนดไว้ 3 แนวทาง 1) การใช้เงินกู้ โดยออก พ.ร.บ.เงินกู้ 5 แสนล้านบาท 2) การใช้งบประมาณประจำปี 2568 และ 3) การใช้ผสมกันระหว่างเงินกู้กับงบประมาณ ประเมินยังเป็นประเด็นที่ต้องติดตามต่อ ซึ่งทางฝ่ายวิจัยมองเป็น 2 กรณี ดังนี้
1) หากเดินหน้าต่อได้ จะสร้าง Upside ต่อ GDP และกำไรตลาด รวมถึงหนุนหุ้นกลุ่มได้ประโยชน์ กลุ่มอิงบริโภค CPALL, บริษัท ซีพี แอ็กซ์ตร้า จำกัด (มหาชน) หรือ CPAXT ประกอบกับกลุ่ม Digital Tech ที่รับงานรัฐบาล อาทิ บริษัท เบริล 8 พลัส จำกัด (มหาชน) หรือ BE8
2) กรณีไม่เดินหน้า ประเมินเป็นจิตวิทยาลบต่อตลาด ขณะที่มีโอกาสฟื้นตัวหลังจากนั้น โดยคาดการณ์รัฐบาลจะมีการพิจารณามาตรการอื่นๆ ทดแทน