“ก.ล.ต.” เชือด 12 ราย แก๊งปั่นหุ้น SCN สั่งปรับ 28 ล้านบาท
ก.ล.ต. ใช้มาตรการลงโทษทางแพ่งผู้กระทำความผิด 12 ราย กรณีสร้างราคาหุ้น SCN สั่งปรับรวม 28 ล้านบาท พร้อมห้ามซื้อขายหลักทรัพย์ และสัญญาซื้อขายล่วงหน้าหรือเป็นกรรมการหรือผู้บริหาร
สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) เปิดเผยว่า ได้รับข้อมูลจาก ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) และตรวจสอบเพิ่มเติมพบว่า ระหว่างวันที่ 23 สิงหาคม ถึง 2 พฤศจิกายน 2561 พบกลุ่มผู้กระทำผิดจำนวน 12 ราย อาทิ 1.นายชนน วังตาล 2.นางสาวอัญชฎา ธีรพงศ์วิษณุพร 3.นางสาวมณทิกา มงคลนาวิน 4.นางพัชราวลัย ชัยปาณี 5.นายพิเชษฐ์ เพิ่มทรัพย์หิรัญ 6.นางสาวทิตานัน หรุ่นเริงใจ 7.นางสาวภรณี เมฆดำรงแสง 8.นางสาวพรรณทิพา เนติพัฒน์ 9.นายณรุจ วิวรรธนไกร 10.นายธันว์ วุฒิธรรม 11.นายณัฐปภัสร์ เกสร์ชัยมงคล และ 12.นายศุภศิษฏ์ โภคินจารุรัศมิ์
โดยมีความสัมพันธ์เชื่อมโยงกันทั้งด้านความสัมพันธ์ส่วนตัว ทางการเงิน และการส่งคำสั่งซื้อขาย รวมทั้งรู้เห็นหรือร่วมกันในการส่งคำสั่งซื้อขาย หรือยินยอมให้บุคคลอื่นเป็นผู้ส่งคำสั่งซื้อขายหุ้น บริษัท สแกน อินเตอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ SCN ในบัญชีซื้อขายหลักทรัพย์ของตนในลักษณะสอดรับสนับสนุนซึ่งกันและกันในการสร้างราคาหรือปริมาณการซื้อขายหุ้น SCN พร้อมทั้งมีการผลักดันราคาหุ้น SCN อย่างต่อเนื่อง แตกย่อยคำสั่ง, จับคู่ซื้อขายกันเองภายในกลุ่ม, ครองคำสั่งเสนอซื้อ รวมถึงทำราคาปิดในบางวัน
อีกทั้งมุ่งหมายให้ราคาและปริมาณการซื้อขายหุ้น SCN ผิดไปจากสภาพปกติของตลาด โดยราคาต่อหุ้นเพิ่มสูงขึ้น 35.87% ไปสู่ราคาสูงที่สุดเป็น 5.00 บาท จาก 3.68 บาท และปริมาณการซื้อขายเฉลี่ยต่อวันเพิ่มขึ้นมากกว่า 15 เท่า เป็น 8.47 ล้านหุ้น จากประมาณ 0.5 ล้านหุ้น ในช่วงก่อนเกิดเหตุ 30 วันทำการ ซึ่งการกระทำของกลุ่มผู้กระทำผิดข้างต้นเป็นความผิดฐานสร้างราคาหุ้น SCN ตามมาตรา 244/3 ประกอบมาตรา 244/5 และมาตรา 244/6 แล้วแต่กรณี ซึ่งมีบทกำหนดโทษตามมาตรา 296 มาตรา 296/1 และมาตรา 296/2 แห่งพระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535 ประกอบมาตรา 83 แห่งประมวลกฎหมายอาญา
ด้าน คณะกรรมการพิจารณามาตรการลงโทษทางแพ่ง (ค.ม.พ.) มีมติให้นำมาตรการลงโทษทางแพ่งมาใช้บังคับกับผู้กระทำความผิดทั้ง 12 ราย โดยกำหนดมาตรการลงโทษทางแพ่ง ดังนี้
1.ให้ผู้กระทำผิดชำระค่าปรับทางแพ่ง ชดใช้เงินในจำนวนเท่ากับผลประโยชน์ที่ได้รับหรือพึงได้รับ ชดใช้ค่าใช้จ่ายของ ก.ล.ต. เนื่องจากการตรวจสอบการกระทำความผิด อาทิ นายชนน จำนวน 6,650,867 บาท, นางสาวอัญชฎา จำนวน 584,756 บาท, นางสาวมณทิกา จำนวน 984,782 บาท, นางพัชราวลัย จำนวน 813,878 บาท, นายพิเชษฐ์ จำนวน 604,132 บาท, นางสาวทิตานัน จำนวน 3,527,257 บาท, นางสาวภรณี จำนวน 574,594 บาท, นางสาวพรรณทิพา จำนวน 4,763,272 บาท, นายณรุจ จำนวน 5,881,582 บาท, นายธันว์ จำนวน 1,165,997 บาท, นายณัฐปภัสร์ จำนวน 2,150,762 บาท และนายศุภศิษฏ์ จำนวน 521,432 บาท
2.ห้ามผู้กระทำผิดจำนวน 9 ราย คือ นายชนน, นางสาวอัญชฎา, นางสาวมณทิกา, นางพัชราวลัย, นายพิเชษฐ์, นางสาวทิตานัน, นางสาวภรณี, นางสาวพรรณทิพา และนายณัฐปภัสร์ ซื้อขายหลักทรัพย์หรือสัญญาซื้อขายล่วงหน้าเป็นเวลารายละ 14 เดือน และห้ามเป็นกรรมการหรือผู้บริหารในบริษัทที่ออกหลักทรัพย์หรือบริษัทหลักทรัพย์เป็นเวลารายละ 28 เดือน อีกทั้ง ห้ามผู้กระทำผิดจำนวน 3 ราย อาทิ นายณรุจ นายธันว์ และนายศุภศิษฏ์ ซื้อขายหลักทรัพย์หรือสัญญาซื้อขายล่วงหน้า เป็นเวลารายละ 20 เดือน พร้อมห้ามเป็นกรรมการหรือผู้บริหารในบริษัทที่ออกหลักทรัพย์หรือบริษัทหลักทรัพย์ เป็นเวลารายละ 40 เดือน
นอกจากนี้ มาตรการลงโทษทางแพ่งที่ ค.ม.พ. กำหนดตามข้อ 2 จะมีผลนับตั้งแต่วันที่ผู้กระทำความผิดลงนามในบันทึกการยินยอมปฏิบัติตามมาตรการลงโทษทางแพ่งที่ ค.ม.พ. กำหนด หากผู้กระทำความผิดไม่ยินยอม ก.ล.ต. จะมีหนังสือขอให้พนักงานอัยการดำเนินการฟ้องคดีต่อศาลแพ่งเพื่อกำหนดมาตรการลงโทษทางแพ่งในอัตราสูงสุดที่กฎหมายบัญญัติ โดยไม่ต่ำกว่าอัตราที่ ค.ม.พ. กำหนดตามข้อ 1 และ 2 ขณะที่เงินค่าปรับทางแพ่งและเงินค่าชดใช้คืนผลประโยชน์ที่ได้รับหรือพึงได้รับจากการกระทำความผิดเป็นรายได้แผ่นดินที่นำส่งให้ กระทรวงการคลัง