SISB รุกเซกเมนต์ใหม่! ย้ำเป้า 3 ปี ขยายนักเรียนแตะ 5,400 คน
SISB เตรียมเปิดโรงเรียนนานาชาติแบรนด์ใหม่ ขยายเซกเมนต์ใหม่ที่ค่าเทอมถูกลง 50% จ่อผุดสาขาแรกในกรุงเทพฯ เพื่อขยายจำนวนนักเรียนเพิ่มขึ้นในอนาคต ย้ำเป้า 3 ปี ขยายนักเรียนแตะ 5,400 คน ภายในปี 69
นายยิว ฮอค โคว ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เอสไอเอสบี จำกัด (มหาชน) หรือ SISB เปิดเผยในงานสัมมนา “โอกาสตลาดทุนปีมังกร และโผหุ้นเด่นปี 67” ที่จัดโดยหนังสือพิมพ์ข่าวหุ้นธุรกิจว่า SISB ในฐานะเครือโรงเรียนนานาชาติ อันดับ 1 ของประเทศไทย และมีเป้าหมายที่จะผลักดันนโยบาย “การนำคุณภาพการศึกษาที่ดี เข้าถึงคุณให้มากที่สุด” พร้อมให้ความสำคัญที่สุดในเรื่องคุณภาพจบการศึกษาจากเครือโรงเรียนนานาชาติสิงคโปร์ (Singapore International School Bangkok หรือ SISB)
โดยปัจจุบันอยู่ระหว่างเตรียมทดลองโมเดลโรงเรียนรูปแบบใหม่ภายใต้แบรนด์ใหม่ เพื่อขยายเซกเมนต์ใหม่ที่ปรับลงมาในระดับราคาค่าธรรมเนียมการศึกษา (ค่าเทอม) ที่ถูกลง 50% หรือประมาณ 300,000 บาท (บวกลบ) จากราคาค่าเทอมปกติของ SISB ที่อยู่ระดับ 500,000-600,000 บาท แต่ยังคงคุณภาพการเรียนการสอนของ SISB ไว้เช่นเดิม ซึ่งจะทำให้ผู้ปกครองและนักเรียนเข้าถึงได้มากขึ้น ตามความต้องการเข้าศึกษาในโรงเรียนนานาชาติ โดยเบื้องต้นจะเริ่มสาขาแรกในกรุงเทพฯ เนื่องจากเป็นตลาดที่มีกำลังซื้อสูง และจะคำนึงความเหมาะสม โอกาส และทำเล ซึ่งมั่นใจว่าจะสามารถขยายเครือข่ายให้ครอบคลุมฐานนักเรียนที่ต้องการเรียนโรงเรียนนานาชาติมากขึ้นในอนาคตอย่างแน่นอน
ทั้งนี้ปัจจุบันเครือโรงเรียน SISB ตั้งอยู่บนทำเลศักยภาพที่มีครอบครัวกำลังซื้อสูงอยู่หนาแน่น โดยสาขาให้บริการ 6 แห่ง และมีฐานนักเรียนในระบบรวมประมาณ 4,200 คน แบ่งเป็น นักเรียนชาวไทย 73% และส่วนที่เหลือ 27% เป็นนักเรียนชาวต่างชาติ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นนักเรียนชาวจีน
ส่วนแผนการดำเนินงานในช่วงระยะ 3 ปีข้างหน้า (ปี 67-69) บริษัทตั้งเป้าหมายจะมีจำนวนนักเรียนเพิ่มขึ้นเป็น 5,400 คน ภายในปี 69 จากปี 66 ที่มีจำนวนนักเรียน 4,200 คน โดยมีแผนขยายสาขาใหม่ และการขยายเฟสใหม่ในสาขาเดิมมีอัตราการครองที่นั่งของนักเรียนเกิน 70% ซึ่งจะมีการพิจารณาลงทุนขยายเฟสใหม่ตามนโยบาย เพื่อขยายความสามารถในการรองรับนักเรียนที่ขยายตัวขึ้นต่อเนื่อง
ขณะที่ผลการดำเนินงานในปี 66 ที่ผ่านมา สามารถทำสถิติสูงสุด (นิวไฮ) โดยช่วยตอกย้ำการเป็นเบอร์ 1 ของโรงเรียนนานาชาติของประเทศไทย แม้ว่าปัจจุบันสังคมไทยจะมีอัตราการเกิดของเด็กน้อยลง และครอบครัวยุคใหม่นิยมมีบุตรหลานเพียง 1-2 คน จากอดีตประมาณไม่ต่ำกว่า 4 คน ซึ่งแน่นอนการมีบุตรหลานที่น้อยลง ขณะที่ผู้ปกครองมีแนวคิดที่ให้ความสำคัญแก่การศึกษามากขึ้นและเลือกช่องทางที่ดีที่สุดให้บุตรหลาน ซึ่ง SISB สามารถตอบโจทย์
โดยปัจจัยสำคัญที่ทำให้ SISB ก้าวขึ้นมาเป็นผู้นำเหนือกว่าโรงเรียนนานาชาติแห่งอื่นกว่า 200 แห่งในประเทศไทย คือ 1.หลักสูตรการศึกษาของประเทศสิงคโปร์เป็นหลักสูตรพื้นฐาน 2.การเกิดการยอมรับของผู้ปกครองด้วยคุณภาพหลังจบหลักสูตร และ 3.การบอกต่อปากต่อปากของนักเรียนเก่าที่ได้จบการศึกษาออกไป ไม่ว่าจะเป็นการแนะนำผ่านตัวนักเรียนเอง หรือผู้ปกครอง และ 4.การสร้างความพึงพอใจสูงสุดให้กับนักเรียน และผู้ปกครอง เพื่อรักษาอัตราการศึกษาต่อจนจบตั้งแต่อนุบาล-มัธยม เพราะถือเป็นการสร้างฐานรายได้ประจำชดเชยนักเรียนที่ไม่ศึกษาต่อ หรือสมัครเรียนแต่ไม่ได้มอบตัวได้อีกด้วย ซึ่งทั้งหมดที่กล่าวนี้ได้ช่วยให้ SISB เติบโตมาตลอดอย่างต่อเนื่อง
นายยิว ฮอค โคว กล่าวต่อว่า ปัจจุบันประเทศไทย มีฐานนักเรียนในระบบทั้งภาครัฐ และเอกชนตั้งแต่ระดับมัธยม 1 ถึงมัธยม 6 รวม 11 ล้านคน แบ่งเป็น โรงเรียนนานาชาติเพียง 70,000 คนเท่านั้น ดังนั้นมองว่าหากโมเดลโรงเรียนรูปแบบใหม่ลงตัว คาดว่าจะสามารถผลักดันความต้องการ (ดีมานด์) โรงเรียนนานาชาติเพิ่มขึ้นมาอีก 1% ของนักเรียนในระบบทั้งหมดถือว่าค่อนข้างมากแล้ว
ขณะที่ฐานะทางการเงินของบริษัทถือว่าค่อนข้างแข็งแกร่ง และเป็นบริษัทที่ไม่มีหนี้สินสามารถขยายธุรกิจได้อย่างต่อเนื่อง ควบคู่กับการบริหารต้นทุนและค่าใช้จ่ายต่าง ๆ ให้มีประสิทธิภาพ เช่น การลดภาระการแบกรับต้นทุนบุคลากรครู หากจำนวนนักเรียนไม่ถึงขั้นต่ำของการเปิดห้องใหม่ หรือ 8 คนต่อห้อง เป็นต้น
“การขยายธุรกิจของ SISB ต้องการใช้เม็ดเงินทุกบาททุกสตางค์ให้เกิดผลประโยชน์สูงสุด และสร้างผลตอบแทนกลับมาสู่บริษัทและแก่ผู้ถือหุ้น โดยทุกการเติบโต อย่านึกถึงคุณภาพการศึกษาก่อนธุรกิจเสมอ และกำไรจะตามมาเอง” นายยิว ฮอค โคว กล่าว