“ชัยยศ” มอง SET อ่อนตัวลง แนะดักเก็บ PTTEP-SPRC รับดีมานด์น้ำมันดิบพุ่ง
“ชัยยศ จิวางกูร” มอง SET อ่อนตัวลง ให้กรอบแนวรับ 1,350-1,360 จุด แนะดักเก็บ PTTEP-SPRC อานิสงส์ราคาน้ำมันปรับตัวขึ้น หนุนดีมานด์ความต้องการดีเซลและเบนซินพุ่ง ขณะที่แนะจับตา กนง. ประชุมทิศทางปรับลดดอกเบี้ย 10 เม.ย.67
นายชัยยศ จิวางกูร ผู้ช่วยฝ่ายผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์ กรุงศรี จํากัด (มหาชน) เปิดเผยในรายการ “ข่าวหุ้นเจาะตลาด” วันนี้ (3 เม.ย.67) ว่าแนวโน้มตลาดหุ้นไทยมีลักษณะอ่อนตัวลงตามทิศทางตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชีย เนื่องจากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐปรับตัวสูงขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบ 4 เดือน ส่งผลต่อทิศทาง “ฟันด์โฟลว์” ไหลออกนอกประเทศ ผนวกกับค่าเงินบาทที่อ่อนตัวลงซึ่งถือเป็นปัจจัยกดดันตลาดหุ้นไทย โดยหากต้องการให้มีปริมาณเม็ดเงินเข้าประเทศสิ่งที่จะเป็นแรงหนุนตลาดคือ DGP ภายในประเทศต้องปรับตัวดีขึ้น
ขณะที่ SET Index ให้กรอบแนวรับ 1,350-1,360 จุด ฝ่ายนักวิเคราะห์มองว่าถือเป็นช่วงเข้าสะสมหุ้นได้ หลังมีปัจจัยสนับสนุนจากรัฐบาลผ่านงบประมาณรายจ่ายประจำปี 2567 ซึ่งจะส่งผลให้มีเม็ดเงินไหลเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจ รวมถึงจับตา คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) มีกำหนดจัดประชุมในวันที่ 10 เม.ย. 2567 ถึงทิศทางปรับลดดอกเบี้ย หากทั้งรัฐบาลและ กนง. มีนโยบายที่สอดคล้องไปในทิศทางเดียวกันจะส่งผลให้ GDP ในประเทศฟื้นตัวขึ้นได้
นอกจากนี้ หากพูดถึงกลุ่มธนาคารยังมีแรงกดดันหลายด้าน อาทิ อัตราการเติบโตของ GDP ภายในประเทศที่เติบโตช้า, หนี้รับเหมาของ บริษัท อิตาเลียนไทย ดีเวล๊อปเมนต์ จำกัด (มหาชน) หรือ ITD ที่อาจกระทบกับหน่วยงานที่ปล่อยกู้ สุดท้ายคือการปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงอาจส่งผลต่อกลุ่มธนาคาร แนะนำนักลงทุนรอความชัดเจนปัจจัยต่างๆ ที่กล่าวมาข้างต้นก่อนตัดสินใจเข้าลงทุน
อย่างไรก็ตาม หากมองแค่ปัจจัยการปรับลดดอกเบี้ยลงของ กนง. มีกลุ่มหุ้น 3 กลุ่ม ที่อาจได้รับประโยชน์จากส่วนนี้ อาทิ “ไฟแนนซ์” ซึ่งหากปรับดอกเบี้ยลงอัตราต้นทุนธุรกิจจะลดลงไปด้วย รวมถึงกลุ่ม “อสังหาริมทรัพย์” ที่อาจมีกำลังซื้อเข้ามาจากการปรับลดดอกเบี้ย สุดท้าย “ภาคธุรกิจ” ที่จะขยายตัวเพิ่มมากขึ้น
ส่วนกลยุทธ์การลงทุนแนะนำ “ซื้อเก็งกำไร” อาทิ กลุ่มพลังงาน เนื่องจากราคาน้ำมันมีการปรับตัวขึ้นทะลุระดับ 85 ดอลลาร์/บาร์เรล อีกทั้งคาดการณ์ถึงผลประกอบการในไตรมาส 1/2567 อาจออกมาดี โดยเฉพาะกลุ่มโรงกลั่นที่ปริมาณการผลิตเพิ่มขึ้นจากความต้องการใช้น้ำมันดีเซลและเบนซิน ทั้งนี้แนะนำ บริษัท ปตท. สำรวจและผลิตปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) หรือ PTTEP และ บริษัท สตาร์ ปิโตรเลียม รีไฟน์นิ่ง จำกัด (มหาชน) หรือ SPRC
สุดท้ายนี้หากพูดถึงทิศทางโครงการดิจิทัลวอลเล็ต 10,000 บาท เชื่อว่าโครงการนี้อาจมีการดำเนินการได้จริง แต่งบประมาณที่ใช้ประเมินว่าไม่ถึง 5 แสนล้านบาทอย่างที่ประมาณการไว้ก่อนหน้านี้ เนื่องจากมีปัจจัยกดดันหลายส่วนอาทิ การกู้เงินหรือการดึงงบประมาณรัฐ ขณะที่ยังคงเชื่อว่าโครงการดังกล่าวอาจจะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจในไตรมาสที่เริ่มโครงการได้