“สหรัฐ” เบรกซื้อน้ำมันเข้าคลัง หลังราคาพุ่งทะลุ 85 เหรียญ

รัฐบาลสหรัฐฯ ระงับแผนการซื้อน้ำมันเข้าคลังสำรอง เนื่องจากราคาน้ำมันพุ่งสูงขึ้นทะลุระดับ 85 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ขณะที่ปัจจุบันสหรัฐฯ มีน้ำมันสำรองประมาณ 363 ล้านบาร์เรล ซึ่งลดลงจากเกือบ 600 ล้านบาร์เรลเมื่อต้นปี 65


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า รัฐบาลสหรัฐฯ ได้ระงับแผนการซื้อน้ำมันเข้าคลังสำรองน้ำมันเชิงยุทธศาสตร์ (SPR) เนื่องจากราคาน้ำมันพุ่งสูงขึ้น โดยกระทรวงพลังงานสหรัฐฯ ระบุว่า ทางรัฐบาลจะรักษาผลประโยชน์ของผู้เสียภาษีเป็นหลัก โดยตัดสินใจไม่ซื้อน้ำมัน 3 ล้านบาร์เรลเข้าคลัง SPR ในรัฐลุยเซียนา

“เราจะไม่ดำเนินการตามแผนปัจจุบันในการซื้อน้ำมันเข้าคลังน้ำมันสำรองบายูว ชอคทอว์ (Bayou Choctaw) และจะประเมินสภาวะตลาดก่อนตัดสินใจ โดยเราจะติดตามการเคลื่อนไหวของตลาดต่อไป” กระทรวงพลังงาน กล่าว

สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานว่า ความเคลื่อนไหวดังกล่าวมีขึ้นหลังจากราคาน้ำมันดิบพุ่งขึ้น โดยราคาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ของสหรัฐพุ่งทะลุระดับ 85 ดอลลาร์ต่อบาร์เรลเมื่อวันอังคาร (2 เม.ย.) ซึ่งนับเป็นครั้งแรกตั้งแต่เดือนต.ค

ทั้งนี้ รัฐบาลสหรัฐตั้งเป้าที่จะซื้อน้ำมันในราคา 79 ดอลลาร์ต่อบาร์เรลหรือต่ำกว่านั้นเพื่อเติมน้ำมันเข้าคลังสำรอง แม้จะเคยใช้จ่ายเฉลี่ยประมาณ 81 ดอลลาร์ต่อบาร์เรลในการซื้อครั้งล่าสุดจำนวน 2.8 ล้านบาร์เรลเมื่อปลายเดือนที่ผ่านมา

โดยรายงานระบุว่า กระทรวงพลังงานค่อย ๆ เติมน้ำมันสำรองฉุกเฉิน หลังจากแตะระดับต่ำสุดในรอบ 40 ปี อันเนื่องมาจากสหรัฐปล่อยน้ำมันสำรอง 180 ล้านบาร์เรล เพื่อรับมือกับการที่รัสเซียบุกยูเครน

สำหรับข้อมูลของกระทรวงพลังงานระบุว่า ปัจจุบันสหรัฐฯ มีน้ำมันสำรองประมาณ 363 ล้านบาร์เรล ซึ่งลดลงจากเกือบ 600 ล้านบาร์เรลเมื่อต้นปี 65

Back to top button