QTCG เทรดวันแรก! ลุ้นทดสอบเป้า 2.95 บาท โบรกชี้กำไร 3 ปี โตเฉลี่ย 66%
QTCG ลงสนามเทรดวันแรก! ลุ้นทดสอบเป้า 2.95 บาท ด้าน บล.ยูโอบี เคย์เฮียน (ประเทศไทย) ประเมินกำไรปี 67-69 เติบโตเฉลี่ย 65.90% ต่อปี ตามรายได้ก่อสร้างที่คาดการณ์ว่าจะกลับเข้าสู่ช่วงเติบโตรอบใหม่ของการประมูลโครงการเพิ่มเติม ด้าน 3 โบรกให้ราคาเป้าหมาย 2.60-2.95 บาท
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าวันนี้ (4 เม.ย.67) หลักทรัพย์ บริษัท คิวทีซีจี จำกัด (มหาชน) หรือ QTCG ได้เข้าทำการซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) ภายใต้กลุ่มธุรกิจอสังหาริมทรัพย์และก่อสร้าง
โดย QTCG มีทุนชำระแล้วหลัง IPO 300 ล้านบาท มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 0.50 บาท ประกอบด้วยหุ้นสามัญเดิม 420 ล้านหุ้นและหุ้นสามัญเพิ่มทุน 180 ล้านหุ้น เสนอขายต่อบุคคลตามดุลยพินิจของผู้จัดจำหน่ายหลักทรัพย์จำนวนไม่น้อยกว่า 135 ล้านหุ้น ผู้มีอุปการคุณของบริษัทไม่เกิน 27 ล้านหุ้น กรรมการ ผู้บริหาร หรือพนักงานของบริษัทไม่เกิน 18 ล้านหุ้น เมื่อวันที่ 27-29 มี.ค.2567 ในราคาหุ้นละ 1.20 บาท คิดเป็นมูลค่าเสนอขาย 216 ล้านบาท มูลค่าหลักทรัพย์ ณ ราคา IPO 720 ล้านบาท
ทั้งนี้ การกำหนดราคาเสนอขายหุ้น IPO คิดเป็นอัตราส่วนราคาต่อกำไรสุทธิต่อหุ้น (P/E ratio) ที่ 32.69 เท่า คำนวณจากกำไรสุทธิต่อหุ้น 12 เดือนย้อนหลัง (ปี 2566) ซึ่งเท่ากับ 22.02 ล้านบาท หารด้วยจำนวนหุ้นสามัญทั้งหมดภายหลังการเสนอขายหุ้นครั้งนี้ (fully diluted) คิดเป็นกำไรสุทธิต่อหุ้น 0.04 บาท โดยมี บริษัทหลักทรัพย์ ยูโอบี เคย์เฮียน (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) เป็นที่ปรึกษาทางการเงิน และบริษัทหลักทรัพย์ ยูโอบี เคย์เฮียน (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) กับบริษัทหลักทรัพย์ ทรีนีตี้ จำกัด เป็นผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจัดจำหน่ายหุ้นสามัญ
สำหรับ QTCG ดำเนินธุรกิจด้านงานรับเหมาติดตั้งงานระบบวิศวกรรมประกอบอาคาร (Mechanical & Electrical: M&E) อย่างครบวงจร ประกอบด้วย ระบบไฟฟ้าและการสื่อสาร ระบบปรับอากาศและการระบายอากาศ ระบบสุขาภิบาลและระบบประปา และระบบป้องกันไฟภายในอาคาร บริษัทมีลูกค้าทั้งภาครัฐและเอกชน โดยกระจายอยู่ในหลากหลายอุตสาหกรรม ประกอบด้วย กลุ่มโรงไฟฟ้า กลุ่มโรงงานอุตสาหกรรม กลุ่มอาคาร กลุ่มโรงพยาบาล กลุ่มโรงแรม เป็นต้น
ทั้งนี้ บริษัทรับงานทั้งจากเจ้าของโครงการในฐานะเป็นผู้รับเหมาหลัก และรับงานจากผู้รับเหมาหลักของโครงการซึ่งบริษัทจะมีฐานะเป็นผู้รับเหมาช่วง ปี 2566 มีรายได้จากการเป็นผู้รับเหมาหลัก : การเป็นผู้รับเหมาช่วง 50:50 มีมูลค่างานที่ยังไม่รับรู้เป็นรายได้ ณ วันที่ 31 ธ.ค.2566 จำนวน 1,158 ล้านบาท
นอกจากนี้ บริษัทยังมีบริษัทย่อยถือหุ้น 99% คือบริษัทบริหารสินทรัพย์ สุวรรณภูมิ จำกัด ดำเนินธุรกิจบริหารสินทรัพย์จากการรับซื้อหรือรับโอนลูกหนี้จากสถาบันการเงินซึ่งปัจจุบันหยุดการประกอบธุรกิจดังกล่าวเป็นการชั่วคราว
นายธิติวัฒน์ เงินนำโชคธนรัตน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร QTCG เปิดเผยว่า บริษัทมีประสบการณ์ในธุรกิจมากกว่า 23 ปี มีทีมวิศวกรที่มีประสบการณ์และศักยภาพ ทำให้บริษัทสามารถให้บริการรับเหมาติดตั้งงานระบบวิศวกรรมภายในอาคารทุกระบบอย่างครบวงจร สามารถตอบสนองต่อความต้องการของลูกค้าได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ ส่งมอบงานที่มีคุณภาพและได้มาตรฐาน ภายในระยะเวลาที่ได้ตกลงร่วมกัน สำหรับเงินที่ได้จากการระดมทุนครั้งนี้จะนำไปใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในการดำเนินธุรกิจปกติของบริษัท
โดย QTCG มีผู้ถือหุ้นใหญ่หลังเข้าจดทะเบียน คือ กลุ่มครอบครัวเงินนำโชคธนรัตน์ ถือหุ้น 56% และนายยศวีย์ วัฒนะธีระกิจจา ถือหุ้น 7% โดยบริษัทมีนโยบายจ่ายเงินปันผลให้แก่ผู้ถือหุ้นในอัตราไม่น้อยกว่า 40% ของกำไรสุทธิหลังจากหักภาษีเงินได้นิติบุคคล สำหรับงบการเงินเฉพาะกิจการและหลังหักเงินสำรองต่างๆ
ด้าน บริษัทหลักทรัพย์ ทรีนีตี้ จำกัด ประเมินแนวโน้มกำไรในปี 67 อยู่ที่ 104 ล้านบาท หรือคิดเป็นอัตรากำไรสุทธิ 8.14% และแนวโน้มกำไรในปี 68 อยู่ที่ 216 ล้านบาท หรือคิดเป็นอัตรากำไรสุทธิ 8.03% โดยในปี 67-68 คิดเป็นอัตราการเติบโตเฉลี่ย (CAGR) 129% ตามรายได้ที่เพิ่มขึ้น
ขณะที่ค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารส่วนใหญ่เป็นค่าใช้จ่ายคงที่ ส่งผลให้อัตราการทำกำไรสุทธิของบริษัทเพิ่มขึ้นอย่างมาก โดย ณ สิ้นปี 66 บริษัทมีมูลค่างานในมือ (Backlog) และงานจากโครงการใหม่ที่คาดการณ์ว่าจะทยอยรับรู้รายได้ในปี 67 กว่า 1,000 ล้านบาท
ทั้งนี้ ฝ่ายวิเคราะห์ประเมินมูลค่าหุ้น QTCG ณ สิ้นปี 67 อยู่ที่ 2.95 บาท ด้วยวิธี P/E Ratio ที่ 17 เท่า บนคาดการณ์กำไรต่อหุ้น (EPS) ปี 67 ที่ 0.17 บาทต่อหุ้น โดยพิจารณาจาก P/E อิงกับกลุ่มอสังหาริมทรัพย์และก่อสร้าง (SET PROPCON) อยู่ที่เฉลี่ยประมาณ 16.60 เท่า
บริษัทหลักทรัพย์ ยูโอบี เคย์เฮียน (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ประเมินศักยภาพการเติบโตด้านรายได้จากงานในมือและโอกาสการประมูลโครงการใหม่ๆ ในปี 67 อีกกว่า 3.50-4.00 พันล้านบาท จากปัจจุบัน QTCG มีงานในมือที่รอรับรู้รายได้มากกว่า 1 พันล้านบาท โดยมีการตั้งเป้าที่จะได้งานใหม่เข้ามากว่าอีก 1.50 พันล้านบาท เพื่อมาเป็นตัวช่วยหนุนการเติบโตของรายได้ต่อไปในอนาคต
นอกจากนี้ ยังคาดการณ์กำไรปี 67-69 เติบโตเฉลี่ยสูงถึง 65.90% ต่อปี (CAGR) แรงหนุนจากรายได้จากการก่อสร้างที่คาดการณ์ว่าจะกลับเข้าสู่ช่วงเติบโตรอบใหม่ของการประมูลโครงการเพิ่มเติม ขณะเดียวกันบริษัทยังมีปัจจัยบวกจากแนวโน้มอัตรากำไรขั้นที่ทรงตัวอยู่ในระดับสูง และการประหยัดจากขนาด (Economy of Scale) ของค่าใช้จ่ายในการและบริหารที่ส่วนใหญ่เป็นลักษณะต้นทุนคงที่ ทำให้มองว่ายังมีอัพไซต์ต่อประมาณการกำไรจากการขายสินทรัพย์ที่อาจจะมีการบันทึกกำไรพิเศษเข้ามาเพิ่มเติม
ทั้งนี้ประเมินราคาเป้าหมายปี 67 ที่ 2.60 บาท อิง PE valuation โดยใช้ EPS ปี 67 ที่ 0.12 บาทต่อหุ้น และ Forward PE ปี 67 ที่ 22 เท่า ซึ่งคิดเป็น Discount 10% จากค่าเฉลี่ย Forward PE ของหุ้นกลุ่มรับเหมาก่อสร้าง และคิดเป็น Discount 30% จาก Trailing PE ของหุ้นบริษัทที่ประกอบธุรกิจใกล้เคียง
บริษัทหลักทรัพย์ เอสบีไอ ไทย ออนไลน์ จำกัด ประเมินราคาเป้าหมายปี 67 ที่ 2.60 บาท บนสมมุติฐาน P/E เหมาะสมที่ 36.5 เท่า พร้อมคาดการณ์กำไรสุทธิปี 67 ที่ 43 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 94.47% เทียบกับปีก่อน บนสมมุติฐานรายได้เพิ่มขึ้น 13.7% จากปีก่อน ตามปริมาณงานก่อสร้างทั้งภาครัฐและเอกชนที่เพิ่มขึ้น และคาดการณ์กำไรสุทธิปี 68 ที่ระดับ 49 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 15.32% จากปีก่อน ตามการบริหารต้นทุนที่มีประสิทธิภาพ
สำหรับจุดเด่นของ QTCG คือ 1.ทีมบริหารมีประสบการณ์ความเชี่ยวชาญในอุตสาหกรรมอย่างยาวนานกว่า 23 ปี มีฐานลูกค้ากระจายไปในหลายอุตสาหกรรม 2.QTCG มีระบบงานที่เป็นมาตรฐานสามารถรับงานโครงการขนาดใหญ่ ระดับ 500-600 ล้านบาทต่อโครงการได้ 3.บริษัทมี Backlog ณ สิ้นปี 66 ประมาณ 1,158 ล้านบาท ซึ่งจะทยอยรับรู้เป็นรายได้ในอนาคต รวมถึงมีโอกาสในการเข้าร่วมประมูลงานโครงการก่อสร้างอื่นๆ เพิ่ม และ 4.บริษัทมีการควบคุมต้นทุนได้อย่างมีประสิทธิภาพ ส่งผลบวกต่ออัตรากำไรขั้นต้นของบริษัท