เปิด 3 ธีมหุ้นเด่น เน้นรับประโยชน์ “บาทอ่อน-ศก.จีนฟื้น-น้ำมันขาขึ้น”

“บล.เอเซียพลัส” จัดกลยุทธ์ลงทุน 3 ธีมเด่น เน้น “บาทอ่อน-เศรษฐกิจจีนฟื้น-น้ำมันขาขึ้น” รับฟันด์โฟลว์ไหลเข้า แถมราคาหุ้น LAGGARD


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากบทวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์ เอเซียพลัส จำกัด ระบุว่า มูลค่าการซื้อขายในช่วง 2 วันที่ผ่านมาค่อนข้างเบาบางต่ำกว่า 3 หมื่นล้านบาท ซึ่งอาจเป็นผลมาจากตลาดหุ้นโลกหลายแห่งหยุดทำการชั่วคราว แต่เมื่อกลับมาเทรดวันนี้พบว่าเกิดความผันผวน และเม็ดเงินผลักดันตลาดหุ้นไทยยังจำกัด ดังนั้นการขับเคลื่อนตลาดหุ้นไทยยังเป็นรายตัวที่มีปัจจัยบวกเฉพาะตัว

ทั้งนี้ ฝ่ายนักวิเคราะห์ทำการค้นหากลุ่มหุ้นไทยที่ราคาปรับขึ้นช้ากว่าตลาดโดยรวม หรือช้ากว่าในกลุ่มอุตสาหกรรมเดียวกัน (LAGGARD) และช้ากว่ากว่าปัจจัยบวกเฉพาะตัวที่เข้ามาหนุน โดยคาดหวังจะมีเม็ดเงินเข้ามาหนุนเพิ่มเติมในช่วงนี้ ได้แก่

1) หุ้นได้ประโยชน์บาทอ่อนค่า ซึ่งปัจจุบันค่าเงินบาทอยู่ที่ 36.64 บาท/เหรียญ ซึ่งอ่อนค่ามาแล้ว เพิ่มขึ้น 6.8% นับตั้งแต่ต้นปี จนถึงปัจจุบัน และเป็นการอ่อนค่ามากที่สุดในรอบ 6 เดือน ขณะที่หุ้นส่งออกยัง LAGGARD อยู่มากอย่างหุ้น บริษัท เคซีอี อีเลคโทรนิคส์ จำกัด (มหาชน) หรือ KCE โดยลดลง 27% นับตั้งแต่ต้นปีจนถึงปัจจุบัน, บริษัท ฮานา ไมโครอิเล็คโทรนิคส จำกัด (มหาชน) หรือ HANA ลดลง 25% นับตั้งแต่ต้นปีจนถึงปัจจุบัน,

บริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) หรือ CPF ลดลง 7.6% นับตั้งแต่ต้นปีจนถึงปัจจุบัน, บริษัท ไทยยูเนี่ยน กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ TU ลดลง 2% นับตั้งแต่ต้นปีจนถึงปัจจุบัน และ บริษัท โรงแรมเซ็นทรัลพลาซา จำกัด (มหาชน) หรือ CENTEL ลดลง 0.6% นับตั้งแต่ต้นปีจนถึงปัจจุบัน

2) หุ้นอิงเศรษฐกิจจีน โดยปีนี้ตลาดหุ้นจีนและตลาดหุ้นฮ่องกงพลิกกลับมาเป็นบวก แต่หุ้นไทยอิงเศรษฐกิจจีนยัง LAGGARD อยู่มาก คือ บริษัท เอสซีจี แพคเกจจิ้ง จำกัด (มหาชน) หรือ SCGP ลดลง 17% นับตั้งแต่ต้นปีจนถึงปัจจุบัน, บริษัท ปูนซิเมนต์ไทย จำกัด(มหาชน) หรือ SCC ลดลง 15.4%, บริษัท อินโดรามา เวนเจอร์ส จำกัด (มหาชน) หรือ IVL ลดลง 8.3% และ CENTEL ลดลง 0.6% นับตั้งแต่ต้นปีจนถึงปัจจุบัน

3) หุ้นอิงราคาน้ำมัน โดยปัจจุบันราคาน้ำมันอยู่ที่ 85 เหรียญ/บาร์เรล ซึ่งปรับตัวขึ้นมา 15% นับตั้งแต่ต้นปีจนถึงปัจจุบัน และยังทำจุดสูงสุดในรอบ 6 เดือน ขณะที่หุ้นไทยอิงราคาน้ำมันยัง LAGGARD คือ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) หรือ PTT โดยลดลง 4.9% นับตั้งแต่ต้นปีจนถึงปัจจุบัน, บริษัท ไออาร์พีซี จำกัด (มหาชน) หรือ IRPC ลดลง 4.5% นับตั้งแต่ต้นปีจนถึงปัจจุบัน, บริษัท ปตท. สำรวจและผลิตปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) หรือ PTTEP เพิ่มขึ้น 3.7% นับตั้งแต่ต้นปีจนถึงปัจจุบัน

บริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ BCP เพิ่มขึ้น 3.4% นับตั้งแต่ต้นปีจนถึงปัจจุบัน, บริษัท สตาร์ ปิโตรเลียม รีไฟน์นิ่ง จำกัด (มหาชน) หรือ SPRC โดยเพิ่มขึ้น 7.3% นับตั้งแต่ต้นปีจนถึงปัจจุบัน และ บริษัท ไทยออยล์ จำกัด (มหาชน) หรือ TOP เพิ่มขึ้น 9.8% นับตั้งแต่ต้นปีจนถึงปัจจุบัน

ทั้งนี้ ฝ่ายนักวิเคราะห์ คาดว่า หุ้น 3 กลุ่มดังกล่าว น่าสะสม และคาดการณ์ว่าน่าจะมีเม็ดเงินเข้ามาหนุนเพิ่มเติม ส่งผลให้ฟื้นกลับมา OUTPERFORM ตลาดหุ้นไทยในช่วงนี้ได้

Back to top button