ด่วน! จ.สมุทรสาคร ประกาศเขตภัยพิบัติ พบ “แคดเมียม” สารก่อมะเร็ง กว่า 1.5 หมื่นตัน
ด่วน! ผู้ว่าฯสมุทรสาคร ประกาศเขตภัยพิบัติ ห้ามเข้าใกล้ 90 วัน หลังพบกากแคดเมียม ก่อมะเร็ง กว่า 1.5 หมื่นตัน ส่งผลกระทบสุขภาพอนามัยประชาชนโดยตรง
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (4 เม.ย. 67) จากกรณีที่กรรมาธิการ (กมธ.) การอุตสาหกรรม สภาผู้แทนราษฎร ได้ออกมาแถลงข้อเท็จจริงตามที่มีผู้ร้องเรียนว่า มีบริษัทแห่งหนึ่งในจังหวัดตาก ได้ขายกากแร่สังกะสีและกากแร่แคดเมียมที่ฝังกลบในจังหวัดตาก ให้กับบริษัทหนึ่งตั้งอยู่ในอำเภอเมือง จังหวัดสมุทรสาคร กว่าหมื่นตัน ซึ่งเรื่องนี้ถือว่าส่งผลกระทบต่อประชาชนโดยตรง
โดยกากแร่ดังกล่าวเป็นสารก่อมะเร็ง ซึ่งการขนย้ายจากบ่อฝั่งกลบที่จังหวัดตากออกมาที่จังหวัดสมุทรสาคร ถือเป็นการกระทำความผิดที่รุนแรงมาก จะทำให้ประชาชนได้รับผลกระทบด้านสุขภาพอนามัย เพราะเก็บใส่ถุงบิ๊กแบ๊กในอาคารและนอกอาคารพันกว่าถุง ทั้งนี้ จึงต้องการให้ผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรสาคร ประกาศเขตภัยพิบัติฯ นั้น
ต่อมาเมื่อเวลาประมาณ 11:00 น. ของวันนี้ (04 เม.ย.67) นายผล ดำธรรม ผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรสาคร พร้อมด้วย นายพุทธิกรณ์ วิชัยดิษฐ อุตสาหกรรมจังหวัดสมุทรสาคร สำนักงานสิ่งแวดล้อมและควบคุมมลพิษที่ 5 สำนักงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจังหวัดสมุทรสาคร ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดสมุทรสาคร สาธารณสุขจังหวัดสมุทรสาคร และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทุกฝ่าย ได้เข้าตรวจสอบที่บริษัทหนึ่ง ซึ่งตั้งอยู่ใน หมู่ที่ 2 ซอยกองพนันพล ถนนเอกชัย ตำบลบางน้ำจืด อำเภอเมือง จังหวัดสมุทรสาคร ซึ่งเป็นบริษัทฯ ที่นำกากแร่แคดเมียมจากจังหวัดตาก เข้ามากักเก็บไว้ที่โรงงานแห่งนี้ โดยภายหลังจากที่ทางผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรสาคร และคณะ ได้เข้าไปตรวจสอบภายในราวๆ 1 ชั่วโมง ก็ได้ออกมาให้สัมภาษณ์กับผู้สื่อข่าวถึงผลการตรวจสอบ และมาตรการทางกฎหมายที่บังคับใช้กับบริษัทฯ แห่งนี้
นายผล ดำธรรม เปิดเผยว่า จากการตรวจสอบของทางเจ้าหน้าที่อุตสาหกรรมจังหวัดสมุทรสาคร พบมีกากแร่แคดเมียมที่มาจากทางจังหวัดตากจริงโดยมีอยู่ราวๆ 15,000 ตัน โดยทางอุตสาหกรรมจังหวัดสมุทรสาครได้ทำการอายัติไว้แล้ว ซึ่งกากแคดเมียมส่วนใหญ่จะถูกเก็บไว้ในตัวอาคาร มีกองอยู่ภายนอกตัวอาคารบางส่วนราวๆ 100 ถุง ที่ต้องนำเข้าไปเก็บในตัวอาคารให้เรียบร้อย
โดยภายหลังจากนี้ ทางผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรสาครจะออกคำสั่งประกาศเป็นเขตภัยพิบัติโดยห้ามบุคคลหรือสิ่งอื่นใด เข้าไปภายตัวอาคาร รวมถึงห้ามมีการหล่อหลอมแคดเมียมโดยเด็ดขาด และให้ทางอุตสาหกรรมจังหวัดสมุทรสาคร ออกคำสั่งขนย้ายกากแร่แคดเมียมทั้งหมดออกจากจังหวัดสมุทรสาคร เพื่อส่งกลับไปยังบริษัทต้นทางที่จังหวัดตาก เพราะกากแร่ตัวนี้ตาม EIA แล้ว ห้ามขนย้ายออกมาจากจังหวัดตาก โดยจะให้เวลารีบดำเนินการภายใน 7 วันนับจากนี้ ส่วนกากแร่แคดเมียมตัวนี้ถูกขนย้ายมาอยู่ที่โรงงานในจังหวัดสมุทรสาครได้อย่างไรนั้น ก็ต้องไปตรวจสอบที่อุตสาหกรรมจังหวัดตาก ซึ่งเป็นผู้อนุญาตให้ขนย้ายออกมา
ด้านนายพุทธิกรณ์ วิชัยดิษฐ อุตสาหกรรมจังหวัดสมุทรสาคร เปิดเผยเพิ่มเติมว่า จากการตรวจสอบพบว่า โรงงานแห่งนี้เป็นโรงงานที่ได้รับอนุญาตให้กักเก็บและบดย่อยกากอุตสาหกรรมและหล่อหลอมอะลูมิเนียมเท่านั้น แต่ไม่ได้รับอนุญาตให้หล่อหลอมกากแคดเมียม ดังนั้น การกระทำของโรงงานจึงถือว่ามีความผิดฐานประกอบการ(หล่อหลอมแคดเมียม)โดยไม่ได้รับอนุญาต และยังเก็บวัตถุเป็นพิษโดยไม่ได้รับอนุญาตอีกด้วย มีโทษสูงสุดทั้งจำและปรับ ขณะที่ในส่วนของกากแคดเมียมตัวนี้ เป็นกากที่ถูกทำลายฤทธิ์แล้วก่อนลงสู่หลุมฝังกลบที่จังหวัดตาก แต่การนำออกจากหลุมที่จังหวัดตากมาที่จังหวัดสมุทรสาคร เพื่อทำการหล่อหลอมกากแร่แคดเมียมนั้นเป็นสิ่งที่กระทำไม่ได้อย่างเด็ดขาด
“นอกจากความผิดที่พบขณะเข้าตรวจสอบแล้วนั้น ยังต้องรอผลการตรวจสอบจากฝ่ายอื่นๆที่เกี่ยวข้องด้วยทั้งจากเจ้าหน้าที่ด้านสิ่งแวดล้อมฯ ว่าสารแคดเมียมมีการกระจายออกสู่ภายนอกตัวอาคารหรือไม่, สาธารณสุขมีการตรวจหาว่ามีผู้ได้รับผลกระทบจากสารแคดเมียมหรือไม่ และ ปทส.ทำการสอบโดยเชิงลึกว่า มีการหล่อหลอมกากเหล่านี้ไปบ้างแล้วหรือไม่ เป็นต้น” นายพุทธิกรณ์ กล่าว
ขณะที่ตัวแทนโรงงาน ระบุว่า กากแคดเมียมทั้งหมดนี้เริ่มมีการขนย้ายเข้ามาเก็บกองไว้ที่โรงงานตั้งแต่เดือนสิงหาคม 2566 โดยใช้เวลากว่า 3 เดือน ซึ่งหลังจากที่หน่วยงานราชการเข้าตรวจสอบแล้วสั่งให้ขนย้ายกากแคดเมียมทั้งหมดเข้าไปภายในตัวอาคารก่อน ก็จะรีบดำเนินการให้เสร็จภายในวันเดียว แต่เรื่องของการขนย้ายกลับไปยังจังหวัดตากภายใน 7 วันนั้น ก็จะรีบทำให้เร็วที่สุด ส่วนที่ว่ากากแคดเมียมทั้งหมดถูกนำมาทำอะไรนั้น ส่วนตัวแล้วไม่รู้ต้องถามทางเจ้าของโรงงาน รู้เพียงแค่ว่า เมื่อรับเข้ามาก็นำมากักเก็บไว้เท่านั้น
ต่อมา เวลา เมื่อเวลา 14:00 น. ทางสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดสมุทรสาคร ก็ได้รายงานเบื้องต้นว่า จากการเข้าตรวจสอบบริษัทปรากฏข้อเท็จจริง ดังนี้ 1.บริษัท ได้รับอนุญาตให้ประกอบกิจการโรงงานทั้งสิ้น 3 ใบอนุญาต โดยเป็นโรงงานที่ตั้งอยู่ในพื้นที่หมู่ที่ 2 จำนวน 3 ใบอนุญาต โดย 2 ใบอนุญาตแรกอยู่ในโรงงานเดียวกัน และอีก 1 ใบอนุญาตแยกสถานที่ออกมา แต่อยู่ในย่านเดียวกัน
โดยทั้งหมดประกอบกิจการหล่อและหลอมโลหะประเภทต่าง ๆ ซึ่งจากการตรวจสอบโรงงานที่มี 2 ใบอนุญาต พบกากแคดเมียมและกากสังกะสีบรรจุอยู่ในถุงบิ๊กแบ๊กสีขาวจำนวนประมาณ 1,300 ถุง และพบอยู่ภายนอกโรงงานอีก 100 ถุง เจ้าหน้าที่ได้ให้ผู้ประกอบการเคลื่อนย้ายกากแคดเมียมที่อยู่ภายนอก เข้าไปในโรงงานโดยเร็วที่สุด ส่วนโรงงานทะเบียน ที่มี 2 ใบอนุญาต และอยู่ในบริเวณเดียวกับโรงงานแรก พบกากอะลูมิเนียมอยู่ภายในโรงงาน และมีกากแคดเมียมและกากสังกะสีจำนวน 9 ถุง เจ้าหน้าที่ได้ให้ผู้ประกอบการเคลื่อนย้ายกากแคดเมียมและกากสังกะสีจำนวน 9 ถุงนำไปเก็บไว้ที่โรงงานแรกโดยด่วน
ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่ได้ไปตรวจสอบโรงงานที่มี 1 ใบอนุญาต ซึ่ง พบกากแคดเมียมและกากสังกะสีอีก 227 ถุง อยู่ภายในโรงงาน ซึ่งจากการสอบถามเจ้าหน้าที่จากกรมควบคุมมลพิษที่ร่วมตรวจสอบได้ให้ความเห็นว่ากากแคดเมียมและกากสังกะสีดังกล่าวจะผสมด้วยปอร์ตแลนด์ซีเมนต์ 30% เพื่อทำลายฤทธิ์ และอยู่ในสถานะแข็งตัว หากเก็บไว้ในสถานที่มิดชิดและไม่มีการชำระล้าง จะไม่ก่อให้เกิดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม
สำหรับสิ่งที่จังหวัดสมุทรสาครได้ดำเนินการไปแล้ว คือ สำนักงานอุตสาหกรรมจังหวัดสมุทรสาคร ได้อาศัยอำนาจตามมาตรา 35 และมาตรา 37 ของ พ.ร.บ.โรงงาน พ.ศ.2535 อายัดกากแคดเมียมและกากสังกะสีที่พบทั้งหมดอยู่ภายในบริษัทดังกล่าว และมีคำสั่งระงับการกระทำที่ฝ่าฝืนกฎหมาย ห้ามนำกากแคดเมียมและกากสังกะสีเข้าสู่กระบวนการผลิต ให้ปรับปรุงแก้ไขโรงงานเก็บ และดำเนินคดีฐานประกอบกิจการโรงงานโดยไม่ได้รับอนุญาต
นอกจากนี้ นายผล ดำธรรม ในฐานะผู้อำนวยการจังหวัดใช้อำนาจตามมาตรา 29 ของ พ.ร.บ.ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย พ.ศ. 2550 ออกประกาศห้ามมิให้บุคคลใดๆ เข้าไปอยู่อาศัยหรือดำเนินกิจการใดในพื้นที่โรงงานทั้ง 2 แห่ง เป็นระยะเวลา 90 วัน, สำนักงานอุตสาหกรรมจังหวัดสมุทรสาครใช้อำนาจตามมาตรา 37 วรรคหนึ่ง ของ พ.ร.บ.โรงงาน พ.ศ.2535 สั่งให้นำกากแคดเมียมและกากสังกะสีทั้งหมดกลับไปฝังกลบในบ่อเก็บตามเดิม,สวัสดิการและคุ้มครองแรงงานจังหวัดสมุทรสาครดำเนินคดีกับผู้ประกอบการตามมาตรา 53 ของพระราชบัญญัติความปลอดภัย อาชีวอนามัย และสภาพแวดล้อมในการทำงาน พ.ศ.2554 ในฐานความผิดฝ่าฝืนไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานที่กำหนดในกฎกระทรวงที่ออกตามมาตรา 8 โดยไม่บริหาร จัดการ และดำเนินการด้านความปลอดภัย อาชีวอนามัยและสภาพแวดล้อมในการทำงานเกี่ยวกับสารเคมีอันตราย, กรมควบคุมมลพิษ สำนักงานสิ่งแวดล้อมและควบคุมมลพิษที่ 5
โดยสำนักงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจังหวัดสมุทรสาคร ได้เก็บตัวอย่างน้ำในโรงงานและบริเวณโดยรอบโรงงานไปตรวจสอบหาสารปนเปื้อน จะทราบผลใน 2 สัปดาห์ ส่วนสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดสมุทรสาคร ได้ตรวจคัดกรองและตรวจหาสารแคดเมียมในปัสสาวะของพนักงานโรงงานว่าอยู่ในเกณฑ์มาตรฐานหรือไม่ จะทราบผลใน 1 สัปดาห์
ส่วนองค์การบริหารส่วนตำบลบางน้ำจืดได้ให้เจ้าพนักงานท้องถิ่นตรวจสอบอาคารโรงงานว่าเป็นไปตามกฎหมายควบคุมอาคารหรือไม่,กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ปทส.) ดำเนินการสืบสวนการกระทำความผิดอาญาที่เกิดขึ้นจากกรณีดังกล่าว
อย่างไรก็ตาม ในขณะนี้ยังไม่มีข้อมูลผู้ได้รับผลกระทบจากสารแคดเมียมในบริเวณดังกล่าว และกากแคดเมียมและกากสังกะสีดังกล่าวซึ่งผสมด้วยปอร์ตแลนด์ซีเมนต์ 30% ปัจจุบันอยู่ในสถานะแข็งตัวและเสถียร หากเก็บไว้ในสถานที่มิดชิดและไม่มีการชำระล้าง จะยังไม่ก่อให้เกิดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม