SABUY รูดต่อ 15% หลัง ตลท.เตือนลงทุน เซ่นพิษ “ฟอร์ซเซล” ผู้ถือหุ้นใหญ่-รายย่อย
SABUY รูดต่อ 15% หลัง ตลท.เตือนลงทุน เซ่นพิษ “ฟอร์ซเซล” ผู้ถือหุ้นใหญ่-รายย่อย ฟาก SABUY แจงไม่มีพัฒนาการใด ๆ ทางธุรกิจที่มีผลต่อราคาหุ้นบริษัท เล็งขายหุ้นบริษัทในเครือที่ไม่ใช่ธุรกิจหลักออก
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (5 เม.ย. 67) ราคาหุ้น บริษัท สบาย เทคโนโลยี จำกัด (มหาชน) หรือ SABUY ณ เวลา 10:01 น. อยู่ที่ระดับ 1.94 บาท ลบไป 0.32 บาท หรือลงไป 14.16% สูงสุดที่ระดับ 1.94 บาท ต่ำสุดที่ระดับ 1.75 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 314.71 ล้านบาท หากดูจากปรับตัวลงหนัก 5 วันทำการลงไป 58%
ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) ขอให้ผู้ลงทุนพิจารณาข้อมูลอย่างรอบคอบก่อนเข้าซื้อขายหลักทรัพย์ SABUY เนื่องจากสภาพการซื้อขายปรับตัวลงมากในวันที่ 3 และ 4 เมษายน 2567 สรุปได้ดังนี้ คือ สภาพการซื้อขายปรับตัวลงมาก โดยราคาปรับตัวลดลงไปต่ำสุดของวัน (Floor) ต่อเนื่อง 2 วันทำการ (-51%) โดยวานนี้ (4 เม.ย. 2567) ราคาลดลงไปที่ Floor จนไม่มีคำเสนอซื้อ (Bid) เหลืออยู่เลย ตั้งแต่เปิดตลาด และทรงตัวไม่เปลี่ยนแปลงมาปิดภาคเช้าที่ 2.28 บาท ลดลง 29.63% ด้วยมูลค่าซื้อขายที่ 90 ล้านบาท ขณะที่ SET Index และ Sector Index (COMM) ที่ ลดลง 0.29% และเพิ่มขึ้น 0.12% ตามลำดับ และผู้ขายมากกระจุกในบุคคลบางราย ซึ่งพบว่าผู้ขายมาก โดยเฉพาะวานนี้ (4 เม.ย. 2567) ถึง 85% ของปริมาณการซื้อขายรวม เป็นการขายของบุคคลที่ถูก Force Sell จากราคาที่ลดลงมากในวันก่อนหน้า
ส่วน SABUY วานนี้เมื่อเวลา 12.31 น. ชี้แจงข้อมูลว่าไม่มีพัฒนาการใด ๆ ทางธุรกิจที่มีผลต่อราคาหลักทรัพย์แต่อย่างใด ขณะที่สัดส่วนการ Short Selling ไม่มาก และเป็นการขายจากผู้ลงทุนรายย่อยที่ถูก Force Sell เป็นหลัก โดยวันที่ 4 เมษายน 2567 ภาคเช้า ไม่มีรายการ Short selling
ขณะที่ เมื่อวันที่ 3 เมษายน 2567 มีสัดส่วน Short selling ที่ 0.20% ของปริมาณการซื้อขาย ซึ่งการขายทั้งหมดเป็นรายย่อย ดังนั้นตลาดหลักทรัพย์ฯ จึงขอให้ผู้ลงทุนพิจารณาข้อมูลทั้งด้านการซื้อขาย และสารสนเทศของ SABUY อย่างรอบคอบก่อนตัดสินใจซื้อขาย
นายวิรัช มรกตกาล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท สบาย เทคโนโลยี จำกัด (มหาชน) หรือ SABUY เปิดเผยถึง ราคาซื้อขายหุ้นของ SABUY มีการเปลี่ยนแปลงของระดับราคาที่ปรับลดลงเป็นอย่างมากในช่วงวันที่ 3 เมษายน 2567 ถึงเช้าวันที่ 4 เมษายน 2567 นั้นว่า บริษัทขอชี้แจงว่าไม่มีพัฒนาการใด ๆ ทางธุรกิจที่มีผลต่อราคาหลักทรัพย์แต่อย่างใด ซึ่งราคาหุ้นที่ปรับตัวลดลง เกิดจากปัจจัยภายนอก และสภาวการณ์อื่น ๆ ไม่อยู่ภายใต้การควบคุมของบริษัท หากมีพัฒนาการที่ส่งผลต่อการดำเนินธุรกิจที่สำคัญใด ๆ จะแจ้งให้นักลงทุนทราบ และจะปฏิบัติตามเกณฑ์ที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัดต่อไป
โดยกรณีราคาหุ้นของบริษัทปรับตัวลดลงแรงในช่วง 1-2 วันที่ผ่านมา เนื่องจากผู้ถือหุ้นใหญ่ถูกบังคับขาย (Forced Sell) ในบัญชีมาร์จิ้น และมีการกระหน่ำขายหุ้นจากผู้ถือหุ้นรายอื่นด้วย ซึ่งแน่นอนว่าไม่ใช่แต่เพียงผู้ถือหุ้นใหญ่ที่ใช้บัญชีมาร์จิ้น และธุรกรรมไม่ได้เกี่ยวข้องกับ SABUY อย่างไรก็ตามในฐานะผู้บริหารต้องสร้างความเชื่อมั่นแก่นักลงทุนให้กลับมาให้ได้จากการเร่งขับเคลื่อนธุรกิจให้แข็งแรง
ทั้งนี้ เบื้องต้นบริษัทมีแผนที่จะขายหุ้นในบริษัทในเครือ SABUY (ที่ไม่ใช่ตัวธุรกิจหลัก) ที่ถือหุ้นอยู่ในสัดส่วน 100% ให้แก่พันธมิตร ซึ่งมีการเจรจาอยู่หลายราย หรือลดสัดส่วนถือหุ้นลงเหลือ 50-60% เช่น ธุรกิจเกี่ยวกับการปล่อยกู้ หรือสินเชื่อ ปัจจุบันมีผู้สนใจอยู่ 2-3 ราย และธุรกิจตู้กดอัตโนมัติ เป็นต้น รวมไปถึงการพิจารณาขายสินทรัพย์ที่ไม่เกิดประโยชน์ เช่น ตึก หรือ อพาร์ตเมนต์ เป็นต้น เพื่อเตรียมพร้อมสร้างสภาพคล่องในการรองรับการชำระคืนหุ้นกู้ที่จะครบกำหนดในอนาคตอันใกล้ และเสริมสภาพคล่องให้แข็งแกร่งขึ้น เพราะที่ผ่านมาตั้งแต่เข้าตลาดหลักทรัพย์ฯ มีการลงทุนและกู้ยืมเงินไปกว่า 13,000 ล้านบาท
สำหรับในปี 2567 บริษัทมีหุ้นกู้ครบกำหนดชำระช่วงปลายปีอีกประมาณ 1,500 ล้านบาท โดยความคาดหวังว่าจะสามารถชำระคืนตามกำหนดได้ และอาจจะพิจารณาไม่ออกหุ้นกู้ใหม่จากสภาพตลาดที่ไม่เอื้อ แต่จะใช้ความสามารถจากฐานทุนของธุรกิจในปัจจุบันที่สร้างกระแสเงินสดต่อเดือนเฉลี่ยไม่ต่ำกว่า 100 ล้านบาท และแผนการสำรองฐานทุนจากแผนลดสัดส่วนถือหุ้นแก่พันธมิตรตามที่กล่าวข้างต้น
ส่วนทิศทางผลการดำเนินงานในช่วงไตรมาส 1 และไตรมาส 2 ของปี 2567 ยังค่อนข้างนิ่ง เนื่องจากเศรษฐกิจยังไม่ถูกกระตุ้น แต่ธุรกิจ SABUY ค่อนข้างโชคดีที่ได้ผลบวกจากการบริโภคจากการท่องเที่ยว และอากาศที่ร้อน ทำให้เครื่องดื่มขายดี และสินค้าอื่น ๆ ที่ค่อนข้างหลากหลาย โดยมั่นใจครึ่งปีหลังของปี 2567 ผลการดำเนินงานจะกลับมาแข็งแกร่ง และพลิกกลับมามีกำไรได้ เนื่องจากจากเศรษฐกิจที่ฟื้นตัว และการกระตุ้นนโยบายต่าง ๆ ของรัฐบาลหลังผ่านงบประมาณประจำปี 2567
นอกจากนี้ ล่าสุดบริษัทประกาศร่วมมือเซ็นสัญญาซื้อน้ำพริกกับบริษัท มิสแกรนด์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) หรือ MGI โดยเริ่มต้น 100,000 กระปุก จัดจำหน่ายผ่านตู้ SABUY ผ่าน 2 โมเดล คือ แบบร่วมตู้ และแบบเช่าตู้ในอนาคต ซึ่งจุดแข็งของตู้กดสินค้าอัตโนมัติของ SABUY คือ มีต้นทุนต่ำ สามารถซื้อทานได้เลย ไม่ต้องรอแบบซื้อออนไลน์ และได้กลุ่มลูกค้าที่ไม่ได้เล่นโซเซียลด้วย