“สภาธุรกิจตลาดทุนไทย” เปิดดัชนีเชื่อมั่นนักลงทุน “ทรงตัว” ชี้ถูก “ดอกเบี้ยเฟด” กดดัน

“สภาธุรกิจตลาดทุนไทย” เปิดดัชนีความเชื่อมั่นนักลงทุนในอีก 3 เดือนข้างหน้า จากผลสำรวจเดือนมี.ค. 67 อยู่ในเกณฑ์ “ทรงตัว” ต่อเนื่อง ที่ระดับ 106.91 นักลงทุนมองมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจภาครัฐหนุนความเชื่อมั่น ขณะที่การไหลออกของเงินทุน-นโยบายคงอัตราดอกเบี้ย “เฟด” เป็นปัจจัยฉุดความเชื่อมั่น


นายกอบศักดิ์ ภูตระกูล ประธานกรรมการสภาธุรกิจตลาดทุนไทย (FETCO) เปิดเผยถึงดัชนีความเชื่อมั่นนักลงทุน (FETCO Investor Confidence Index) ผลสำรวจในเดือนมีนาคม 2567 (สำรวจระหว่างวันที่ 20-31 มีนาคม 2567)  พบว่า ดัชนีความเชื่อมั่นนักลงทุน (FETCO Investor Confidence Index: ICI) ในอีก 3 เดือนข้างหน้าอยู่ที่ระดับ 106.91 ใกล้เคียงกับเดือนก่อนหน้า โดยยังคงอยู่ในเกณฑ์ “ทรงตัว”

โดยนักลงทุนมองว่ามาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐ เป็นปัจจัยหนุนความเชื่อมั่นมากที่สุด รองลงมาคือการฟื้นตัวของเศรษฐกิจในประเทศและคาดหวังเงินทุนไหลเข้า ขณะที่ปัจจัยที่ฉุดความเชื่อมั่นนักลงทุนมากที่สุด ได้แก่ การไหลออกของเงินทุน รองลงมาคือนโยบายคงอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐฯ (FED) และสถานการณ์ความขัดแย้งระหว่างประเทศ

ทั้งนี้ ดัชนีความเชื่อมั่นนักลงทุน (FETCO Investor Confidence Index) สำรวจในเดือนมีนาคม 2567 ได้ผลสำรวจโดยสรุป ดังนี้ 1) ดัชนีความเชื่อมั่นรวมทุกกลุ่มนักลงทุนในอีก 3 เดือนข้างหน้า (มิถุนายน 2567) อยู่ในเกณฑ์ “ทรงตัว” (ช่วงค่าดัชนี 80-119) ที่ระดับ 106.91 ใกล้เคียงกับเดือนก่อนหน้า

2) ความเชื่อมั่นกลุ่มนักลงทุนสถาบันอยู่ในเกณฑ์ “ร้อนแรง” ในขณะที่ความเชื่อมั่นกลุ่มนักลงทุนบุคคล กลุ่มบัญชีบริษัทหลักทรัพย์ และกลุ่มนักลงทุนต่างประเทศอยู่ในเกณฑ์ “ทรงตัว”

3) หมวดธุรกิจที่น่าสนใจมากที่สุด คือ หมวดท่องเที่ยวและสันทนาการ (TOURISM)

4) หมวดธุรกิจที่ไม่น่าสนใจมากที่สุด คือ หมวดพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ (PROP)

5) ปัจจัยหนุนที่มีอิทธิพลต่อตลาดหุ้นไทยมากที่สุด คือ มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐ

6) ปัจจัยฉุดที่มีอิทธิพลต่อตลาดหุ้นไทยมากที่สุด คือ การไหลออกของเงินทุน

อนึ่ง ผลสำรวจ ณ เดือนมีนาคม 2567 รายกลุ่มนักลงทุน พบว่า ความเชื่อมั่นกลุ่มนักลงทุนบุคคลปรับลดลง 6.5% อยู่ที่ระดับ 107.58, กลุ่มบัญชีบริษัทหลักทรัพย์ปรับเพิ่มขึ้น 14.3% มาอยู่ที่ระดับ 114.29, กลุ่มนักลงทุนสถาบันในประเทศปรับเพิ่มขึ้น 16.1% อยู่ที่ระดับ 141.67 และกลุ่มนักลงทุนต่างประเทศทรงตัว อยู่ที่ระดับ 100.00

โดยตลอดเดือนมีนาคม 2567 SET Index แกว่งตัวอยู่ในกรอบแคบระหว่าง 1,359.26 ถึง 1,394.93 เนื่องจากขาดปัจจัยสนับสนุน และนักลงทุนต่างชาติยังไม่กลับเข้ามาลงทุนมากนัก อย่างไรก็ตาม ยังมีข่าวดีที่หนุนตลาด หลังธนาคารกลางญี่ปุ่นได้ยุตินโยบายอัตราดอกเบี้ยติดลบ และผลการประชุม FED คงดอกเบี้ยที่ระดับ 5.25-5.50% ตามคาดการณ์ อีกทั้งยังส่งสัญญาณว่าจะปรับลดอัตราดอกเบี้ย 3 ครั้งในปีนี้

ทั้งนี้ SET Index ณ สิ้นเดือนมีนาคม 2567 ปิดที่ 1,377.94 ปรับตัวเพิ่มขึ้นเล็กน้อย 0.5% จากเดือนก่อนหน้า โดยในเดือนมีนาคม 2567 ปริมาณซื้อขายเฉลี่ยต่อวันอยู่ที่ 45,717 ล้านบาท และนักลงทุนต่างชาติขายสุทธิกว่า 41,239 ล้านบาท โดยตั้งแต่ต้นปี นักลงทุนต่างชาติยังคงขายสุทธิกว่า 68,862 ล้านบาท

ขณะที่ในส่วนของปัจจัยต่างประเทศที่ต้องติดตามได้แก่ ธนาคารกลางกลุ่มประเทศเศรษฐกิจหลัก อาทิ  FED, ธนาคารกลางยุโรป และธนาคารอังกฤษ มีแนวโน้มปรับลดอัตราดอกเบี้ยตามทิศทางเงินเฟ้อที่ปรับชะลอลง, สถานการณ์ความขัดแย้งระหว่างประเทศโดยเฉพาะในรัสเซีย-ยูเครนที่กลับมาปะทุอีกครั้ง ซึ่งมีส่วนต่อการตัดสินใจในการถือครองสินทรัพย์ที่มีความมั่นคงสูง เช่น ทองคำ ที่ราคาปรับสูงขึ้นต่อเนื่อง อีกทั้งภาพรวมการฟื้นตัวของภาคการผลิตจีน ซึ่งส่งสัญญาณบวกต่อภาคการส่งออกของไทย

สำหรับปัจจัยในประเทศที่น่าติดตาม ได้แก่ แนวโน้มการลดดอกเบี้ยของธนาคารแห่งประเทศไทย เพื่อช่วยกระตุ้นการฟื้นตัวของเศรษฐกิจและกระตุ้นตลาดหุ้น, แนวโน้มการฟื้นตัวของภาคท่องเที่ยว, การเบิกจ่ายงบประมาณของภาครัฐ และความชัดเจนของนโยบายดิจิทัลวอลเล็ต 1 หมื่นบาทของรัฐบาล

Back to top button