เปิดโผ 10 หุ้น รับครม. เคาะมาตรการกระตุ้นอสังหาฯ-กาสิโน
เปิด 10 หุ้น จ่อรับประโยชน์ครม. ลงมติมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ ภาค “อสังหาฯ-พิจารณาเปิดเอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์” หนุน GDP ไทยปีนี้โต 1.8% นำโดย SPALI, AP, SIRI, DOHOME, GLOBAL, HMPRO, AOT, MINT, CPALL และ BJC
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (9 เม.ย. 67) ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติเห็นชอบมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจผ่านภาคอสังหาริมทรัพย์ และธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องกับภาคอสังหาริมทรัพย์ เพื่อสนับสนุนการมีที่อยู่อาศัยของประชาชน และเป็นการเตรียมการเพื่อรองรับการยกระดับประเทศไทย สู่ศูนย์กลางเมืองแห่งอุตสาหกรรมระดับโลก (Thailand Vision) ซึ่งมีรายละเอียดดังนี้
1. การปรับปรุงมาตรการลดค่าธรรมเนียมจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรม สำหรับที่อยู่อาศัย ปี 2567 โดยลดค่าจดทะเบียนโอนอสังหาริมทรัพย์จาก 2% เหลือ 0.01% และลดค่าจดทะเบียนการจำนอง อสังหาริมทรัพย์ จาก 1% เหลือ 0.01% เฉพาะที่จดทะเบียนโอนในคราวเดียวกัน สำหรับการซื้อขายอสังหาริมทรัพย์ ได้แก่ อาคารที่อยู่อาศัยประเภทบ้านเดี่ยว บ้านแฝด หรือบ้านแถว หรืออาคารพาณิชย์ หรือที่ดินพร้อมอาคารดังกล่าว หรือห้องชุดที่จดทะเบียนอาคารชุด โดยมีราคาซื้อขายและราคาประเมินทุนทรัพย์ไม่เกิน 7 ล้านบาท และวงเงินจำนองไม่เกิน 7 ล้านบาทต่อสัญญา ซึ่งไม่รวมถึงกรณีการขายเฉพาะส่วน
ทั้งนี้ สำหรับผู้ซื้อที่เป็นบุคคลธรรมดาสัญชาติไทย โดยให้มีผลใช้บังคับตั้งแต่วันที่กฎหมายได้ประกาศในราชกิจจานุเบกษาถึงวันที่ 31 ธ.ค.67
2. มาตรการลดหย่อนภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาสำหรับผู้ที่ต้องการปลูกสร้างบ้าน โดยกำหนดให้บุคคลธรรมดา (ไม่รวมถึงห้างหุ้นส่วนสามัญ หรือคณะบุคคลที่มิใช่นิติบุคคล) หักลดหย่อนค่าจ้างก่อสร้างบ้านให้แก่ผู้รับจ้าง ซึ่งเป็นผู้ประกอบการจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มสำหรับการจ่ายค่าจ้างตามสัญญาจ้างตั้งแต่วันนี้ (9 เม.ย.67) ถึงวันที่ 31 ธ.ค. 68
โดยให้หักลดหย่อนภาษีได้ 1 หมื่นบาทต่อทุกจำนวนค่าก่อสร้าง 1 ล้านบาท ตามจำนวนที่จ่ายจริง แต่รวมกันแล้วจะหักลดหย่อนได้ไม่เกิน 1 แสนบาท เฉพาะค่าจ้างก่อสร้างบ้านไม่เกิน 1 หลัง ในปีภาษีที่ก่อสร้างบ้านเสร็จ ตามสัญญาจ้างที่ได้กระทำขึ้นและเริ่มดำเนินการก่อสร้างตั้งแต่วันนี้ (9 เม.ย.67) ถึงวันที่ 31 ธ.ค. 68 และได้เสียอากรแสตมป์โดยวิธีการชำระอากรเป็นตัวเงินผ่านระบบเครือข่ายอินเตอร์เน็ต
ด้านนายพรชัย ฐีระเวช ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) ในฐานะโฆษกกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจผ่านภาคอสังหาริมทรัพย์ จะช่วยส่งเสริมให้ประชาชนมีที่อยู่อาศัยเป็นของตนเอง และช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจผ่านภาคอสังหาริมทรัพย์และธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องกับภาคอสังหาริมทรัพย์ทั้งห่วงโซ่อุปทานการผลิต (Supply Chain) ส่งเสริมการลงทุนภายในประเทศ อันจะก่อให้เกิด การจ้างงาน การผลิต รวมถึงอาจก่อให้เกิดการถ่ายทอดเทคโนโลยี ซึ่งจะส่งผลดีต่อการขยายตัวทางเศรษฐกิจในภาพรวม
โดยกระทรวงการคลังประเมินว่า จะมีผลช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจภาพรวมไทย (GDP) ในปีนี้ให้เพิ่มขึ้นอีกราว 1.7-1.8% ขณะที่การสูญเสียรายได้ จะเป็นในส่วนขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) ในส่วนของการจัดเก็บรายได้ค่าธรรมเนียมที่คาดว่าจะลดลงราว 2 พันล้านบาท/เดือน แต่ทั้งนี้ อปท.จะมีรายได้เพิ่มขึ้นในส่วนของภาษีมูลค่าเพิ่ม และภาษีธุรกิจเฉพาะ
นอกจากนี้ นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรมว.คลัง เปิดเผยภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ว่า ที่ประชุมครม. มอบให้กระทรวงการคลัง ศึกษาความเป็นไปได้ถึงรายละเอียดผลการพิจารณาศึกษาของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาการเปิดสถานบันเทิงครบวงจร เพื่อแก้ปัญหาการพนันผิดกฎหมาย และเพื่อประโยชน์ด้านเศรษฐกิจของประเทศ โดยให้นำกลับมาเสนอ ครม. ภายใน 30 วัน
ขณะที่นายคารม พลพรกลาง รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า วันนี้ ครม.เพียงรับทราบผลการศึกษาเท่านั้น ยังไม่ใช่ข้อสิ้นสุดที่จะดำเนินการ เนื่องจากการจัดตั้ง Entertainment Complex อาจต้องมีการออกกฎหมายใหม่ หรือนำกฎหมายการพนันที่มีอยู่มาบังคับใช้
บริษัทหลักทรัพย์ กรุงศรี พัฒนสิน จำกัด (มหาชน) ระบุในบทวิเคราะห์ว่า จากมติครม. มีมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจในภารคอสังหาริมทรัพย์และสถานบันเทิงครบวงจร (Entertainment Complex) โดยฝ่ายวิเคราะห์มีมุมมองเชิงบวกต่อหลักทรัพย์ที่จะได้รับประโยชน์จากมาตรการเหล่านี้ อาทิ
1. มาตรการกระตุ้นอสังหา(Property Stimulus) โดยครม.เห็นชอบมาตรการลดค่าจดทะเบียนโอนอสังหาริมทรัพย์จาก 2% เหลือ 0.01% และลดค่าจดทะเบียนการจำนองอสังหาริมทรัพย์ จาก 1% เหลือ 0.01% มีผลถึง 31 ธ.ค. 67 และมาตรการลดหย่อนภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาสำหรับสร้างบ้านใหม่สูงสุดไม่เกิน 1 แสนบาท
โดยฝ่ายนักวิเคราะห์มองเป็นจิตวิทยาบวกต่อกลุ่มอสังหาฯ ช่วยให้ผู้ที่มีแผนซื้อบ้านและสร้างบ้านตัดสินใจเร็วขึ้น โดยเฉพาะ บริษัท ศุภาลัย จำกัด (มหาชน) หรือ SPALI, บริษัท เอพี (ไทยแลนด์) จำกัด (มหาชน) หรือ AP และ บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) หรือ SIRI รวมถึงมองบวกต่อกลุ่มสินค้าปรับปรุงบ้าน อาทิ บริษัท ดูโฮม จำกัด (มหาชน) หรือ DOHOME, บริษัท โฮม โปรดักส์ เซ็นเตอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ HMPRO และโดยเฉพาะ บริษัท สยามโกลบอลเฮ้าส์ จำกัด (มหาชน) หรือ GLOBAL
2. ภายหลังการประชุมครม. นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรมว.คลัง ได้มอบให้กระทรวงการคลังศึกษาผลการเปิดสถานบันเทิงครบวงจร นำกลับมาเสนอ ครม.ใน 30 วันข้างหน้า ซึ่งฝ่ายนักวิเคราะห์ประเมินว่าจะเป็นจิตวิทยาบวกเนื่องจากรัฐบาลยังมีแผนเดินหน้าโครงการต่อ มองเป็นกระแสเชิงบวกต่อหุ้นอิงภาคบริการ นำโดย บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือ AOT, บริษัท ไมเนอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) หรือ MINT, บริษัท ซีพี ออลล์ จำกัด (มหาชน) หรือ CPALL และ บริษัท เบอร์ลี่ ยุคเกอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ BJC