CGSI มอง SET พักฐานวันนี้! วางกรอบ 1,390-1,415 จุด ชู SC-OSP น่าลงทุน

CGSI มองกรอบ SET ในวันนี้อาจพักฐานระยะสั้นที่ระดับ 1,365-1,390 จุด หลังเงินเฟ้อสหรัฐปรับตัวเพิ่มขึ้น 3.5% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน พร้อมคัด 2 หุ้นเด่นน่าลงทุน คือ SC-OSP


บริษัทหลักทรัพย์ ซีจีเอส อินเตอร์เนชั่นแนล (ประเทศไทย) หรือ CGSI ระบุในบทวิเคราะห์วันนี้ (11 เม.ย.67) ว่าคาดการณ์กรอบดัชนีตลาดหุ้นไทย (SET) วันนี้อาจพักฐานสั้นๆ โดยมองกรอบที่ระดับ 1,390-1,415 จุด หลังเงินเฟ้อสหรัฐปรับตัวเพิ่มขึ้น 3.5% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน และเพิ่มขึ้น 0.4% เมื่อเทียบกับเดือนที่ผ่านมาสูงกว่าคาด รวมถึงรายงานประชุมเฟด (FED Minutes) ที่รัดกุมกว่าที่คิด

ทั้งนี้ ภาพดังกล่าวสอดคล้องกับมุมมองของเราเรื่องการลดดอกเบี้ยของเฟดในครึ่งปีหลังไม่ใช่เดือน มิ.ย.

ส่วนภายในประเทศมี 2 ประเด็น คือเรื่องของคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) มีมติ 5 ต่อ 2 ให้คงอัตราดอกเบี้ยที่ 2.50% และธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ได้ปรับเพิ่มประมาณการการเติบโตของ GDP ของประเทศไทยในปี 67 เป็น 2.6% และคาดว่าอัตราเงินเฟ้อในปีนี้จะอยู่ที่ 0.6%

โดยคาดการณ์อัตราดอกเบี้ย REPO ภายในสิ้นปี 2567 BOT-1 วัน ไว้ที่ 2.00% และดอลลาร์สหรัฐต่อบาทไทยอยู่ที่ 36.00 และอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลอายุ 10 ปีที่ 2.5%

ขณะที่อีกฝั่งหนึ่ง นายกรัฐมนตรีของประเทศไทยได้เปิดเผยรายละเอียดของเงินดิจิทัลพร้อมกลไกการระดมทุน โดยทางฝ่ายนักวิเคราะห์ยังมอง MPC 0.1 และนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจ (Multiplier effect) ที่ 1.1 เท่า จะส่งผลกระทบต่อการเติบโตของ GDP ในปี 2568 เพิ่มขึ้น 0.3% ในมุมมองของทางฝ่ายนักวิเคราะห์

ทั้งนี้คาดการณ์ว่า Digital Wallet จะไม่ส่งผลกระทบต่ออัตราเงินเฟ้อในปี 67 และคงอัตราเงินเฟ้อสำหรับปีไว้ที่ 0.5% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน (1% กรณีที่ดีที่สุด)

สำหรับหุ้นแนะนำ มีดังนี้

บริษัท เอสซี แอสเสท คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ SC ประมาณการว่าบริษัทจะมีค่าใช้จ่ายทางการเงินลดลง 4.2% ในปี 2567 เนื่องจากมีสัดส่วนหนี้ที่มีอัตราดอกเบี้ยลอยตัวสูงกว่าคู่แข่ง

บริษัท โอสถสภา จำกัด (มหาชน) หรือ OSP ระบุว่า บริษัทตั้งเป้ายอดขายเติบโตภายใน 5 ปี (2566-2571) เฉลี่ย 9% (CAGR) เป็นผลมาจากเครื่องดื่มในประเทศและเครื่องดื่มต่างประเทศ รวมถึงผลิตภัณฑ์ personal care และอื่นๆ อยู่ที่ 6.5%, 13.2%, 14.1% และ 10.3% ตามลำดับ

อย่างไรก็ตาม ถึงแม้ว่ายอดขายที่ทางฝ่ายนักวิเคราะห์ประมาณการจะต่ำกว่าเป้าหมายของ OSP อยู่ที่ 5% แต่เชื่อว่ากำไรปกติต่อหุ้น (Core EPS) จะเติบโต 22% จากต้นทุนวัตถุดิบ และพลังงานที่ลดลงในปี 2567

Back to top button