เปิดโมเดล “กาสิโน” ถูกกฎหมายในไทย จากผลศึกษากมธ.

เปิดโมเดล “กาสิโนถูกกฎหมาย” จากรายงานผลการศึกษาการเปิดสถานบันเทิงครบวงจร เพื่อแก้ไขปัญหาการพนันผิดกฎหมาย และเพื่อประโยชน์ด้านเศรษฐกิจของประเทศ


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากกรณีเมื่อวันที่ (28 มี.ค. 67) ที่ผ่านมา ที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎรมีมติ 253 ต่อ 0 เสียง “เห็นด้วย” ต่อรายงานเรื่องศึกษาการเปิดสถานบันเทิงครบวงจร (Entertainment Complex) เพื่อแก้ปัญหาการพนันผิดกฎหมาย และเพื่อประโยชน์ด้านเศรษฐกิจของประเทศของคณะกรรมาธิการ (กมธ.)  

สำหรับ “กาสิโนถูกกฎหมาย” ตามรายงานของคณะกรรมาธิการ (กมธ.) โดยมี นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการ (กมธ.) กล่าวว่าสถานบันเทิงครบวงจร หรือ Entertainment Complex มีเป้าหมายเพื่อส่งเสริมเศรษฐกิจประเทศ หารายได้เข้ารัฐ ส่งเสริมการท่องเที่ยวและกระจายรายได้ไปสู่ท้องถิ่น รวมถึงแก้ไขปัญหาการพนันผิดกฎหมาย

โดยมีกลไกควบคุมจากการตั้งคณะกรรมการ 2 ชุด เพื่อเป็นกลไกในการดำเนินการ  เช่น การให้ใบอนุญาต การตรวจสอบ ควบคุม และเยียวผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นกับสังคม ประกอบด้วย 1.คณะกรรมการนโยบายการประกอบธุรกิจสถาน บันเทิงครบวงจร  และ 2.คณะกรรมการบริหารสถานบันเทิงครบวงจร ซึ่งมีสำนักงานกำกับการประกอบธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจร (กธบ.) ทำหน้าที่เป็นฝ่ายเลขานุการ

ส่วนการประกอบธุรกิจร่าง พ.ร.บ.กาสิโน ได้กำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการประกอบธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจร หรือกาสิโนถูกกฎหมาย ทั้งหลักเกณฑ์การออกใบอนุญาต ประเภทของใบอนุญาตจำนวนใบอนุญาต ระยะเวลาของใบอนุญาต การกำหนดค่าธรรมเนียมใบอนุญาต เงื่อนไขการเปลี่ยนเจ้าของใบอนุญาต บทกำหนดโทษ และการเพิกถอนใบอนุญาต โดยการประกอบธุรกิจ

สำหรับ คุณสมบัติผู้ประกอบธุรกิจกาสิโนถูกกฎหมาย เป็นนิติบุคคลซึ่งจดทะเบียนในประเทศไทยมีทุนจดทะเบียนไม่น้อยกว่า 10,000 ล้านบาท สถานบันเทิงครบวงจรต้องได้รับการอนุญาตจากรัฐบาล ผ่านการประมูลใบอนุญาต ใบอนุญาตอายุ 20 ปี ต่อได้คราวละไม่เกิน 5 ปี

นอกจากนี้ได้กำหนดบุคคลห้ามเข้ากาสิโน ได้แก่ ผู้อายุน้อยกว่า 20 ปี, บุคคลซึ่งถูกสํานักงาน กธบ.สั่งห้ามเข้ากาสิโน, บุคคลซึ่งถูกศาลสั่งห้ามเล่นการพนัน, คนไทยต้องลงทะเบียนและชําระค่าธรรมเนียม (ตามที่คณะกรรมการนโยบายกําหนด)

ส่วนพื้นที่เป้าหมายตั้งกาสิโนมีหลายทางเลือกได้แก่ กทม.,เขตเศรษฐกิจพิเศษต่างๆ เช่น EEC ในจังหวัดที่รัศมีไม่เกิน 100 กม.จากสนามบิน ดอนเมือง สุวรรณภูมิ และอู่ตะเภา  โดยรายได้ต่อปี (คาดการณ์) 1.2 หมื่นล้านบาท และหรือลูกค้าขั้นต่ำ 4.8 ล้านคน

นอกจากนี้ในรายงานของกมธ. ยังได้เสนอแนวคิดในการจัดเก็บ “ภาษีกาสิโน” โดยคิดจากรายได้ขั้นต้นจากการเล่นพนัน (Gross Gambling Revenue; GGR) กล่าวคือ รายได้หลังการหักค่าใช้จ่ายเบื้องต้นที่ผู้ประกอบการได้จากผู้เล่นที่วางเดิมพันในอัตรา 17%

ขณะที่ภาษีเงินได้นิติบุคคลกรมสรรพากรได้เสนอโมเดลการจัดเก็บ 3 ขั้น ได้แก่ 1.รายรับรวมจากการเล่นเกม 0-20 ล้านบาท อัตราภาษี 20%, 2.รายรับรวมจากการเล่นเกม มากกว่า 20-40 ล้านบาท อัตราภาษี 25%, 3.รายรับรวมจากการเล่นเกม 40 ล้านบาทขึ้นไป อัตราภาษี 30% ส่วนภาษีมูลค่าเพิ่มจะได้รับการยกเว้น

สำหรับค่าธรรมเนียมการเข้าใช้บริการ รายงานของ กมธ. เสนอว่า เพื่อป้องกันผู้มีสัญชาติไทยที่เป็นกลุ่มเปราะบางเข้าใช้บริการ ควรมีการเก็บภาษีการเข้าใช้บริการในอัตราที่เหมาะสมกับฐานรายได้ของคนไทย โดยตัวอย่างอัตราการเก็บในประเทศอื่นๆ เช่น สิงคโปร์เก็บ 4,500 บาทต่อวัน, ญี่ปุ่นเก็บ 1,300 บาทต่อวัน

ด้านรายงานที่ กมธ.วิสามัญฯที่ได้ทำการศึกษาพบว่า ผลกระทบ “เชิงบวก” ได้แก่ 1.อัตราการว่างงานของคนในพื้นที่ลดน้อยลง 2. ประชาชนพึ่งพนันที่ผิดกฎหมายน้อยลง 3. เศรษฐกิจภายในประเทศมีการเติบโต กระตุ้นเงินหมุนเวียนในระบบไม่ให้รั่วไหลออก 4. รัฐสามารถสร้างรายได้จากการจัดเก็บภาษีและค่าธรรมเนียมใบอนุญาตจากธุรกิจสถานบันเทิงแบบครบวงจรและกาสิโนหลายแสนล้านบาทต่อปี

5.รัฐมีรายได้จากอุตสาหกรรมท่องเที่ยวในประเทศ รวมถึงรายได้จากธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องกับภาคการท่องเที่ยวของประชาชน 6.ลดภาระเจ้าหน้าที่ในการปราบปรามการพนันเถื่อน การช่วยลดปัญหาผู้มีอิทธิพล 7. กลุ่มเด็ก และเยาวชน ในครอบครัวยากจนอาจมีรายได้จากการจ้างงานชั่วคราว (Part-time) เกิดการจ้างงานสร้างอาชีพให้กลุ่มผู้สูงอายุหรือคนพิการให้สามารถพึ่งพาตนเองได้ และ8. เกิดการพัฒนาหลักสูตรส่งเสริมทักษะเฉพาะด้านในสถานศึกษา เพื่อรองรับตลาดแรงงานฝีมือที่เกี่ยวเนื่องกับธุรกิจในสถานบันเทิงครบวงจร

ส่วนรายงานที่ กมธ.วิสามัญฯที่ได้ทำการศึกษาพบว่า ผลกระทบเชิง “เชิงลบ”’ ได้แก่ 1. เสพติดการพนันของบุคคลอาจเพิ่ม 2. ก่อปัญหาด้านอาชญากรรม ครอบครัว ยาเสพติด และหนี้สินตามมา 3. อาจเป็นช่องดึงดูดแรงงานต่างด้าวผิดกฎหมายเข้าเมืองได้ง่าย 4. หากรัฐไม่มีมาตรการควบคุม อาจเป็นแหล่งฟอกเงินของธุรกิจที่ผิดกฎหมาย การค้ายาเสพติด การค้าโสเภณี ข้ามชาติ และการค้าสินค้าหนีภาษี ฯลฯ 5. สร้างนิสัยเกียจคร้านให้กับผู้เล่น ไม่สนใจประกอบอาชีพสุจริต คนที่เล่นได้ ทำให้มีเงินใช้สอยฟุ่มเฟือย เป็นการสร้างค่านิยมที่ผิดในหมู่ประชาชน

  1. อาจกลายเป็นศูนย์รวมอบายมุขและแหล่งอาชญากรรม โดยเฉพาะผลกระทบที่จะเกิดกับเด็กและเยาวชน 7. สถานบันเทิงแบบครบวงจรและกาสิโน ใช้พื้นที่ขนาดใหญ่ จึงอาจมีผลกระทบต่อระบบนิเวศจากการปรับปรุงสภาพแวดล้อมในพื้นที่ก่อสร้าง เช่น การตัดไม้ ทำลายป่า มลภาวะจากฝุ่นละออง รวมถึงมลพิษตามแหล่งน้ำจากสิ่งปฏิกูลมูลฝอยและสารเคมี ที่ก่อให้เกิดการปนเปื้อนในแหล่งน้ำสำหรับใช้อุปโภคและบริโภค และ8. อาจมีปัญหาเรื่องเสียงรบกวนและการสั่นสะเทือนจากการแสดง ดนตรีสด การเปิดเพลงเสียงดัง ของสถานบันเทิง การรวมกลุ่มมั่วสุม การดื่มสุรา เสียงจากการก่อสร้าง

ขณะที่จากการศึกษาจากข้อมูลของสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง(สศค.) พบว่า ข้อมูลในปี พ.ศ.2565 ทั่วโลกมีมูลค่าสถานบันเทิงครบวงจรประมาณ 1.5 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยคาดว่าในปี พ.ศ.2571 จะเติบโตถึง 2.2 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยรายได้ที่เกิดจากสถานบันเทิงครบวงจรในแต่ละประเทศนั้น

โดยข้อมูลจาก Statista พบว่า ประเทศที่มีรายได้สูงสุด ได้แก่ มาเก๊า 32,000 ล้านดอลลาร์ ,ลาสเวกัส 30,000 ล้านดอลลาร์, สิงคโปร์ 12,000 ล้านดอลลาร์,เกาหลีใต้ 9,000 ล้านดอลลาร์,ฟิลิปปินส์ 6,000 ล้านดอลลาร์,เวียดนาม 5,000 ล้านดอลลาร์,อินโดนีเซีย 4,000 ล้านดอลลาร์ โดยภูมิภาคที่มีมูลค่าสูงสุดได้แก่ เอเชียแปซิฟิก อเมริกาเหนือ และยุโรป

Back to top button