SCC ยันไร้กระทบ “เอสซีจี พลาสติกส์” หลังรัฐฯสหรัฐสั่งปรับ 739 ล้าน เหตุตั้งสำรองไว้ปี 66
เฝ้าระวังหุ้น SCC วันนี้! เชื่อเกิดเซนติเมนต์เชิงลบ หลังรัฐบาลสหรัฐฯ สั่งปรับ 739 ล้านบาท ฐานพบว่า “เอสซีจี พลาสติกส์” ละเมิดมาตรการคว่ำบาตรอิหร่านมากถึง 467 ครั้ง ฟากบล.ดาโอ ประเมินงบไตรมาส 1/67 มีกำไร 2 พันล้านบาท แนะนำถือ เป้าหมาย 270 บาท
ผู้สื่อข่าวรายงานจากกรณีสำนักข่าวต่างประเทศหลายแห่งรายงานว่า รัฐบาลสหรัฐอเมริกาได้มีการสั่งปรับเงิน บริษัท เอสซีจี พลาสติกส์ จำกัด ผู้ผลิตพลาสติกและบริษัทปิโตรเคมีภัณฑ์ชั้นนำในไทย เป็นเงินจำนวน 20 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 736 ล้านบาท ฐานละเมิดมาตรการคว่ำบาตรอิหร่านของสหรัฐฯ มากกว่า 460 ครั้ง
โดยกระทรวงการคลังสหรัฐฯ ออกแถลงการณ์เมื่อวันที่ 19 เม.ย. 2567 ว่า บริษัท เอสซีจี พลาสติกส์ ตกลงที่จะจ่ายค่าปรับดังกล่าวเพื่อยุติปัญหาการละเมิดการคว่ำบาตรอย่างชัดเจนถึง 467 ครั้ง การละเมิดดังกล่าวทำให้สถาบันการเงินของสหรัฐฯ ต้องดำเนินการโอนเงินจำนวน 291 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณกว่า 10,000 ล้านบาท (ช่วงระหว่างปี 2560-2561) ให้กับบริษัทร่วมทุนผลิตเม็ดพลาสติกที่มี National Petrochemical Company (NPC) ของอิหร่านร่วมเป็นเจ้าของอยู่ด้วย
ทั้งนี้ จากประเด็นดังกล่าวทำให้วันนี้ (22 เม.ย.67) นักลงทุนต้องจับตาการซื้อขายและความเคลื่อนไหว บริษัท ปูนซิเมนต์ไทย จำกัด (มหาชน) หรือ SCC เบื้องต้นจะเกิดเซนติเมนต์เชิงลบต่อหุ้น SCC อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ส่วนจะเกิดแรงขายออกมามากหรือน้อยเพียงใดขึ้นอยู่กับคำชี้แจงจาก SCC ว่าจะมีรายละเอียดและความชัดเจนเกี่ยวกับการแก้ปัญหาเรื่องดังกล่าวอย่างไร
เนื่องจากบริษัท เอสซีจี พลาสติกส์ จำกัด ที่ปัจจุบันมีการชำระบัญชีไปแล้วและมีการโอนสินทรัพย์และหนี้สินทั้งหมดให้แก่บริษัท ไทยโพลีเอทิลีน จำกัด หรือ TPE ที่มีสถานะเป็นบริษัทย่อยของ SCC (ถือหุ้น 100%)
ทั้งนี้ บริษัทร่วมทุนผลิตเม็ดพลาสติกในอิหร่านดังกล่าว คือ Mehr Petrochemical Company (MHPC) มีผู้ร่วมทุน 2 ราย คือ Alliance Petrochemicals Investment (Singapore) Pte Ltd. (API) บริษัทจดทะเบียนก่อตั้งในประเทศสิงคโปร์ ร่วมกับ National Petrochemical Company (NPC) บริษัทสัญชาติอิหร่าน
โดย Alliance Petrochemicals Investment (Singapore) Pte Ltd. นั้น เป็นบริษัทที่เกิดจากการร่วมทุนของบริษัทย่อยในกลุ่มเอสซีจีเคมิคอลส์ ร่วมกับอีก 2 บริษัทที่ไม่ใช่บริษัทในเครือเอสซีจี เคมิคอลส์ โดยเอสซีจี พลาสติกส์ ได้ทำข้อตกลงเป็นผู้ซื้อและขายต่อผลผลิตเม็ดพลาสติกสัดส่วน 60% ของผลผลิตทั้งหมดของ Mehr Petrochemical Company (MHPC) นับตั้งแต่ปี 2009 (ปี 2552) ถึงปี 2018 (ปี 2561) แต่มีการหยุดชั่วคราวช่วงปี 2013-2014 (ปี 2556-2557)
จากการตรวจสอบรายงานประจำปีบริษัท ปูนซิเมนต์ไทย จำกัด (มหาชน) หรือ SCC ประจำปี 2562 พบว่า SCC มีการระบุหมายเหตุประกอบงบการเงินว่าช่วงไตรมาส 3/2561 บริษัทย่อยในธุรกิจเคมิคอลส์ ได้มีการขายหุ้น Alliance Petrochemical Investment (Singapore) Pte. Ltd. (API) ทั้งหมด 65% (โดย API เป็นโฮลดิ้งคอมพานีที่ถือหุ้น Mehr Petrochemical Company) มูลค่ากว่า 83 ล้านบาท (ประมาณ 2,757 ล้านบาท) มีการรับรู้กำไรจาการขายเงินลงทุนดังกล่าว 1,005 ล้านบาท
นายกรภัทร วรเชษฐ์ ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัยและบริการการลงทุน บริษัทหลักทรัพย์ กรุงศรี พัฒนสิน จำกัด (มหาชน) หรือ KCS กล่าวกับ “ข่าวหุ้นธุรกิจ” ว่า เบื้องต้นน่าจะเกิดเซนติเมนต์ต่อการซื้อขายหุ้น SCC ในวันนี้ (22 เม.ย. 2567) แต่ทว่าผลกระทบเชิงปัจจัยพื้นฐานถือว่าน้อยมาก เนื่องจากค่าปรับ 736 ล้านบาท คิดเป็นเพียงส่วนที่เล็กน้อย เมื่อเทียบกับฐานกำไรสุทธิของ SCC จึงเชื่อว่าไม่น่ากังวลเรื่องเกี่ยวกับเรื่องพื้นฐานแต่อย่างใด และได้มีการตั้งสำรองเรื่องดังกล่าวไว้แล้ว
บริษัทหลักทรัพย์ ดาโอ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ประเมินว่า ผลประกอบการไตรมาส 1/2567 ของ SCC จะมีกำไรสุทธิ 2,000 ล้านบาท ปรับลดลงกว่า 88% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน แต่ถือว่าฟื้นตัวจากขาดทุนสุทธิ 1,100 ล้านบาท เมื่อช่วงไตรมาส 4/2566 โดยเป็นผลมาจากธุรกิจปิโตรเคมี (SCGC) จะมีปริมาณยอดขายผลิตภัณฑ์ปิโตรเคมีรวม (PE, PP และ PVC) ที่ระดับ 524,000 ตัน ลดลงกว่า 11% จากช่วงเดียวกันปีก่อน ตามแผนปิดซ่อมบำรุงของโรงแครกเกอร์ ROC ขณะที่ HDPE และ PP spread ลดลง 10% และ 12% ตามลำดับ
ขณะที่ ธุรกิจซีเมนต์และผลิตภัณฑ์ก่อสร้าง (CBM) จะมีรายได้รวมอยู่ที่ 46,400 ล้านบาท ลดลง 5% เมื่อเทียบช่วงเดียวกันปีก่อน ถือว่าเป็นไปตามปัจจัยฤดูกาล ขณะเดียวกัน EBITDA margin ของ CBM จะอยู่ที่ 6% ลดลงจาก 10.3% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อน พร้อมกำหนดคำแนะนำ “ถือ” หุ้น SCC ให้ราคาเป้าหมายปี 2567 ไว้ที่ 270 บาท