KTB บวก 3% หลังโชว์กำไร Q1 แตะ 1.1 หมื่นล้าน-NPL ลดลง โบรกเคาะเป้า 22 บาท
KTB บวก 3% รับข่าวหลังโชว์กำไรไตรมาส 1/67 แตะ 1.1 หมื่นล้านบาท ขณะที่ NPL ลดลง โบรกแนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 22 บาท
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (22 เม.ย. 67) ราคาหุ้น ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) หรือ KTB ณ เวลา 10:38 น. อยู่ที่ระดับ 16.40 บาท บวก 0.40 บาท หรือ 2.50% สูงสุดที่ระดับ 16.60 บาท ต่ำสุดที่ระดับ 16.20 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 299.03 ล้านบาท
นายอดิสรณ์ มุ่งพาลชล นักวิเคราะห์การลงทุนด้านหลักทรัพย์ บล.ฟิลลิป (ประเทศไทย) กล่าวว่า ธนาคารกรุงไทย KTB เป็นธนาคารขนาดใหญ่ที่รายงานกำไรไตรมาส 1/67 ออกมาทำ New high และสูงกว่าประมาณการของนักวิเคราะห์ รับผลจากรายได้ค่าธรรมเนียมที่เติบโตอย่างโดเด่น และเป็นปัจจัยหนุนหลักผลการดำเนินงานไตรมาส 1/67 ประกอบกับการตั้งสำรองฯลดลง เป็นไปตาม NPL ที่ลดลง แม้ว่า NIM จะลดลง เนื่องจากมีการปล่อยสินเชื่อภาครัฐมากขึ้น แต่ไม่ได้ส่งผลกดดันต่อผลการดำเนินงานอย่างมีนัยสำคัญ และ KTB ยังเป็นหุ้นธนาคารขนาดใหญ่ที่ยังคงได้รับอานิสงส์จากโครงการภาครัฐในช่วงการที่เตรียมเร่งเบิกจ่ายงบประมาณออกมา
ขณะที่บริษัทหลักทรัพย์ เคจีไอ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ระบุในบทวิเคราะห์ (22 เม.ย.67) ว่ากำไรสุทธิของ KTB ในไตรมาส 1/67 อยู่ที่ 1.1 หมื่นล้านบาท (เพิ่มขึ้น 81% จากไตรมาสก่อน, และเพิ่มขึ้น 10% เมื่อเทียบกับงวดเดียวของปีก่อน) ดีกว่าประมาณการรวมของตลาด (consensus) 5% และดีกว่าประมาณการของผ่ายวิเคราะห์ 6% เนื่องจากรายได้ค่าธรรมเนียมแข็งแกร่งทั้งนี้ กำไรสุทธิในไตรมาส 1/67 คิดเป็น 29% ของประมาณการกำไรเต็มปี
ทั้งนี้ KTB ปรับสัดส่วนสินทรัพย์ที่ก่อให้เกิดรายได้ (earnings asset mix) ด้วยการลดการปล่อยกู้ในตลาดเงินและปล่อยสินเชื่อเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะสินเชื่อภาครัฐ ทั้งนี้ สินเชื่อรวมขยายตัว 1.6% จากไตรมาสก่อน และเพิ่มขึ้น 1.4% เมื่อเทียบกับงวดเดียวของปีก่อน โดยสินเชื่อภาครับ (16% ของสินเชื่อรวม) ขยายตัว 12% จากไตรมาสก่อน และ 2% เมื่อเทียบกับงวดเดียวของปีก่อน ในขณะที่สินเชื่อกลุ่มอื่น ๆ แทบไม่เพิ่มขึ้นเลยจากไตรมาสก่อน และขยายตัว 4% เมื่อเทียบกับงวดเดียวของปีก่อน
นอกจากนี้ NIM ของ KTB ยังเป็นเช่นเดียวกับธนาคารอื่น ๆ คือเริ่มลดลง 10bps จากไตรมาสก่อน แต่ยังเพิ่มขึ้น 50bps เมื่อเทียบกับงวดเดียวของปีก่อน เนื่องจาก yield ลดลง แต่แม้ว่า NIM จะลดลง แต่เป็นการลดลงในระดับที่น้อยกว่าธนาคารอื่น ๆ เพราะต้นทุนทางการเงินยังค่อนข้างนิ่ง
ส่วนรายได้ค่าธรรมเนียมยังคงเพิ่มขึ้น 3% จากไตรมาสก่อน และ 9% เมื่อเทียบกับงวดเดียวของปีก่อน โดยหลัก ๆ มาจากค่าธรรมเนียม bancassuranceในขณะที่รายได้จากการค้าหลักทรัพย์ และ FVTPL ยังคงแข็งแกร่ง และทำกำไรให้บริษัทมากกว่า 10%ของกำไรสุทธิ
ทั้งนี้ KTB นำรายได้ค่าธรรมเนียม และกำไรจากการค้าหลักทรัพย์ที่สูงมาตั้งสำรองพิเศษเผื่อการด้อยค่าของ NPA 3.8 พันล้านบาท (จาก 2.3 พันล้านบาทในไตรมาส 4/66 และ 200 ล้านบาทในไตรมาส 1/66) ในขณะเดียวกันตัวเลขNPL ยังคงลดลง 1% จากไตรมาสก่อน และ 4% เมื่อเทียบกับงวดเดียวของปีก่อน ส่วน credit cost ก็ลดลงเหลือ 122bps (จากที่เฉลี่ย 142bps ในปี2566) ในขณะที่สัดส่วน NPL coverage ยังทรงตัวอยู่ในระดับสูงที่ 175% ทั้งนี้ ใช้สมมติฐานคชจ.สำรองฯ/สินเชื่อ (credit cost) เต็มปีที่ 125bps
สำหรับกำไรของ KTB ในไตรมาส 1/67 แข็งแกร่งกว่าธนาคารอื่น ๆ ในแง่ของแรงกดดันจาก NIM ที่ลดลง, ความสามาถในการหารายได้จากค่าธรรมเนียม, NPL ที่ลดลง และ credit cost ที่ลดลง ยังคงคำแนะนำ “ซื้อ” KTB โดยประเมินราคาเป้าหมายปี 2567 ที่ 22.00 บาท (PBV ที่ 0.75 เท่า)