“ธปท.” จ่อคุมเข้มเปิดบัญชีใหม่ “ส.ธนาคาร” ชี้กระทบลูกค้า 99%
ธนาคารแห่งประเทศไทยเตรียมยกระดับความเข้มงวดในการเปิดบัญชีใหม่ เพื่อป้องกันการใช้เป็นช่องทางในการทำผิดกฎหมาย ขณะที่ “สมาคมธนาคารไทย” ชี้อาจกระทบกับลูกค้า 99%
นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอี) จัดประชุมคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมออนไลน์ทางเทคโนโลยีไปเมื่อวันที่ 19 เม.ย. โดยที่ประชุมได้เพิ่มมาตรการควบคุมการเปิดบัญชีใหม่ เพื่อป้องกันการใช้เป็นช่องทางในการกระทำผิดกฎหมาย ซึ่งเพิ่มการตรวจสอบเพื่อทราบข้อเท็จจริงเกี่ยวกับลูกค้า (ซีดีดี) โดยมีกระบวนการประเมินและบริหารความเสี่ยงก่อนอนุมัติเปิดบัญชีลูกค้า รวมทั้งติดตามความเคลื่อนไหวทางการเงินจากการทําธุรกรรมของลูกค้าใหม่ จากเดิมที่มีการทำการพิสูจน์ตัวตนในการทําความรู้จักลูกค้า (เควายซี) ในการเปิดบัญชีใหม่เท่านั้น
ด้าน น.ส.อโรรา อุนนะนันทน์ ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายกำกับและตรวจสอบความเสี่ยงด้านเทคโนโลยีสารสนเทศ ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ในฐานะผู้แทนจาก ธปท.ในการประชุมครั้งนี้ เปิดเผยว่า ภายหลังจากการประชุมมีการลงความเห็นชัดเจนแล้ว โดยนโยบายเกี่ยวกับเงื่อนไขการเปิดบัญชีใหม่ ธปท.จะออกนโยบายเชิงหลักการที่ยกระดับให้มีความเข้มงวดมากขึ้น
ขณะเดียวกัน แนวทางปฏิบัติต่างๆ ของสถาบันการเงินนั้น ธปท.ต้องหารือกับสถาบันการเงินภายใต้การกำกับของ ธปท. และสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) ก่อน เบื้องต้นคาดว่าสิ้นเดือนพ.ค.67 ธปท.จะออกแนวนโยบายแล้วเสร็จ
“ที่ผ่านมา ธปท.ได้เรียกธนาคารมาหารือบ้างแล้ว แต่กว่าแนวนโยบายจะแล้วเสร็จต้องมีการพูดคุยกันต่อเนื่องพอสมควร เพราะแนวทางอาจจะกระทบโอเปอร์เรชั่นของแบงก์เยอะมาก โดยเฉพาะตามสาขาต่างๆ ดังนั้น จำเป็นต้องใช้เวลาในการพูดคุย แต่ ธปท.จะผลักดันให้สำเร็จโดยเร็ว”น.ส.อโรรา กล่าว
น.ส.อโรรา กล่าวว่า ที่ผ่านมาแม้ ธปท.จะมีการออกหลักเกณฑ์การรู้จักลูกค้า (เควายซี) สำหรับการเปิดบัญชีเงินฝากของสถาบันการเงินไปเมื่อปี 62 กระบวนการมีการตรวจสอบข้อมูลลูกค้าอยู่แล้วแต่กระบวนการอาจไม่เข้มข้นมากนัก ดังนั้นสิ่งที่จะทำคือพิจารณากลุ่มที่มีความเสี่ยงที่ธนาคารต้องตรวจสอบให้เคร่งครัดมากขึ้น ตัวอย่างสถาบันการเงินในต่างประเทศ หากลูกค้าต้องการเปิดบัญชีจะใช้ระยะเวลาราว 1 ชั่วโมง เพื่อตรวจสอบแหล่งที่มาของเงิน ขณะที่ประเทศไทยมีการเปิดบัญชีโดยการยืนยันตัวตนตามบัตรประชาชน เพื่อแสดงตัวตนตามหน้าบัตรเท่านั้น
ส่วนการดำเนินการเปิดบัญชีโดยใช้เงื่อนไขใหม่จะทำกับลูกค้าเฉพาะกลุ่มเสี่ยง หรือเป็นกลุ่มที่ ปปง.กำหนดให้รายงานข้อมูลสุ่มเสี่ยงต้องสงสัยต่อ ปปง. หรือกลุ่มคนที่มีประวัติตามที่ ปปง.ได้ประกาศรายชื่อว่าเป็นกลุ่มต้องเฝ้าระวัง ขณะเดียวกัน กลุ่มคนที่เปิดบัญชีโดยปกติและไม่มีเจตนาจะเปิดบัญชีเพื่อนำไปเป็นบัญชีม้าก็ไม่ต้องกังวล และสามารถเปิดบัญชีได้ตามปกติ
ขณะที่เงื่อนไขใหม่นั้นอาจเป็นในส่วนของธุรกรรม เนื่องจากธนาคารแต่ละธนาคารมีกลุ่มลูกค้าแตกต่างกัน ซึ่งเงื่อนไขที่ปรับจะเป็นเรื่องภายในของแต่ละธนาคาร อย่างไรก็ตาม เงื่อนไขยังอยู่ในกรอบของ ธปท.วางไว้ และสอดคล้องกับที่ พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการฟอกเงินกำหนด
“สำหรับการดำเนินงานจะไม่ส่งผลกระทบต่อต้นทุนของสถาบันการเงิน เนื่องจากธนาคารจะไม่ได้ใช้ระบบการตรวจสอบนี้กับลูกค้าใหม่ทุกคน และส่วนใหญ่จำนวนการตรวจสอบไม่ได้มีจำนวนมากนัก อีกทั้งการตรวจสอบจะทำเฉพาะกลุ่มต้องสงสัยเท่านั้น จึงไม่ได้มีผลกระทบต่อต้นทุนของธนาคารจะเพิ่มขึ้น” น.ส.อโรรา กล่าว
นายพงษ์สิทธิ์ ชัยฉัตรพรสุข ผู้แทนประธานสมาคมธนาคารไทย กล่าวว่า เงื่อนไขในการเปิดบัญชีใหม่ ซึ่งในส่วนของสถาบันการเงินภายใต้การกำกับของ ธปท.ได้ปรับตัวมาตลอด สำหรับการเปิดบัญชีใหม่ลูกค้าที่มีฐานข้อมูลกับสถาบันการเงินอยู่แล้วจะไม่มีปัญหา แต่บัญชีใหม่ส่วนใหญ่มีลักษณะเป็นบัญชีม้า และเป็นบัญชีที่ไม่มีข้อมูลลูกค้าอยู่เลย ดังนั้น จึงต้องหาเงื่อนไขที่จะมาจัดการปัญหาตรงนี้ให้ได้
อย่างไรก็ตาม ถามว่าลำบากหรือมีข้อติดขัดหรือไม่ แน่นอนต้องยอมรับว่าลูกค้า 99% ต้องได้รับผลกระทบแน่ๆ แต่จะเกิดขึ้นในระดับหนึ่ง หากลูกค้ามีข้อมูลเพียงพอในการตรวจสอบจะไม่มีปัญหา คาดการณ์ว่าในอนาคตจะดีขึ้นเรื่อยๆ
“ในวันนี้สมาคมธนาคารได้กลับมาทบทวนว่าการเปิดบัญชีจำเป็นต้องมีเงื่อนไขอะไรบ้างที่ทำให้เกิดการคัดกรองและตรวจสอบให้มากขึ้น ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งที่ ธปท.ได้ให้แนวทางกับสมาคมธนาคารในการดำเนินงานในส่วนนี้แล้ว” นายพงษ์สิทธิ์ กล่าว