“ปลัดคลัง” เมินหนังสือ “แบงก์ชาติ” ทบทวนแจกเงิน 1 หมื่นบาท แค่กลุ่มเปราะบาง

"ปลัดคลัง" เมินหนังสือ “แบงก์ชาติ” ทบทวนเกณฑ์แจกเงิน 1 หมื่นบาท ให้กลุ่มเปราะบางเท่านั้น พร้อมย้ำโครงการดิจิทัลวอลเล็ต เดินหน้าต่อตามแผน-ครม.มีมติเห็นชอบ


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากกรณีที่ ​นายเศรษฐพุฒิ​ สุทธิวาทนฤพุฒิ​ ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ส่งหนังสือถึงคณะรัฐมนตรี (ครม.) ให้ทบทวนโครงการเติมเงินดิจิทัลวอลเล็ต​ 10,000​ บาท​

โดยล่าสุดวันนี้ (24 เม.ย.67) นายลวรณ​ แสงสนิท​ ปลัดกระทรวงการคลัง เปิดเผยภายหลังการเข้าพบนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และ รมว.คลัง ว่า ทางธปท. สามารถให้ความเห็นได้ทั้งเห็นด้วย และมีข้อทักท้วง ซึ่งคลังก็รับฟัง และในการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) วานนี้ (23 เม.ย.) ได้พิจารณาเรื่องของหลักการขั้นตอนการดำเนินการ

“ความเห็นของ ธปท.​ไม่ได้ส่งผลให้โครงการสะดุด​ลง​ ขณะนี้ยังมีเวลาในการพิจารณา​ หลังจากนี้ต้องเริ่มดำเนินการแล้ว เนื่องจากได้ผ่านการเห็นชอบในหลักการเป็นที่เรียบร้อยแล้ว”

ส่วนความเห็นของผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทยที่ระบุว่า ขอให้ลดกลุ่มเป้าหมายเหลือเพียงกลุ่มเปราะบางที่ มีรายได้น้อยประมาณ 15 ล้านคน จะนำข้อเสนอดังกล่าวมาพิจารณาด้วยหรือไม่

ปลัดกระทรวงการคลัง ระบุว่า ทางผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย เคยให้ความเห็นเช่นนี้มาตั้งแต่ต้น​ จนผ่านการพิจารณาของคณะกรรมการนโยบาย โครงการเติมเงิน 10,000 บาท​ ผ่านดิจิทัลวอลเล็ตว่า กลุ่มใดเป็นผู้ที่เหมาะ ซึ่งได้ผ่านขั้นตอนนั้นไปทั้งหมดแล้ว

โดยสิ่งที่ผู้ว่าการฯ ธปท. ให้ความเห็นมาก็เป็นข้อเสนอแนะเดิม​ที่เคยพูดในที่ประชุมมาโดยตลอด ไม่มีอะไรเป็นประเด็นใหม่ ในที่ประชุมก็ได้มีการชี้แจงต่อข้อกังวลธนาคารแห่งประเทศไทยเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

เมื่อถามว่า​จะมีการชี้แจงต่อธนาคารแห่งประเทศไทยอีกครั้งหรือไม่ นายลวรณ​ยืนยันคำเดิมว่า​ ได้มีการชี้แจงต่อธปท.เรียบร้อยแล้ว และผู้ว่าการฯ จะไม่ได้มาเข้าร่วมการประชุมก็ตาม​ คิดว่าไม่น่าจะมีปัญหาอะไร

เนื่องจากพิจารณาในรูปแบบของคณะกรรมการ ครึ่งทางผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทยก็เป็นหนึ่งในคณะกรรมการ คณะกรรมการท่านอื่นๆ อีก 20 กว่าคน ก็ไม่ได้มีความเห็นเช่นนี้​ โดยยืนยันว่า​ โครงการดิจิทัลวอ​ล​เล็ต​ จะเดินหน้าต่อตามแผนเดิม​ ตามที่ครม.มีมติเห็นชอบ​

ส่วนจะมีการส่งคณะกรรมการกฤษฎีการตีความ เกี่ยวข้องกับข้อกังวลของ ธปท. หรือไม่​ ปลัดกระทรวงการคลัง​ กล่าวว่า​ ไม่เกี่ยวข้อง​เป็นเรื่องของธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร​ (ธกส.)​ ซึ่งถือเป็นเรื่องใหม่​

ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรี ได้สั่งการว่าต้องทำด้วยความรอบคอบ ในประเด็นที่เราเห็นว่าไม่มีความชัดเจน ก็ให้มีการปรึกษากฤษฎีกา ในเรื่องข้อกฎหมาย ซึ่งขณะนี้ยังไม่ได้มีการส่ง เรื่องดังกล่าวไปยังกฤษฎีกาแต่อย่างใด​ พร้อมกับ​ระบุว่า​ การใช้งบประมาณจากธนาคารธกส.ตามมาตรา​ 28 ปีงบประมาณ 2568 จะสามารถดำเนินการได้ในเดือนต.ค.ซึ่งถือว่ายังคงมีเวลาอยู่

Back to top button