ทำความรู้จัก “2 ขุนคลัง” ป้ายแดง กับเผือกร้อนแก้วิกฤต “เศรษฐกิจ” เร่งด่วน
“รัฐบาลเศรษฐา” ปรับกระบวนยุทธ์ เพิ่มรมต.คลัง ดึง “พิชัย-เผ่าภูมิ” เสริมทีมแกร่งเศรษฐกิจ กลบจุดอ่อนดึงความเชื่อมั่นตลาดหุ้นไทยให้ฟื้น-พร้อมเดินหน้า“ดิจิทัลวอลเล็ต” ให้ราบรื่น
หลังจากที่ทำงานมา 7 เดือนหลังจากตั้งรัฐบาลผสมหลายขั้ว รัฐนาวาภายใต้การนำของนายเศรษฐา ทวีสิน ได้มีการปรับคณะรัฐมนตรีอย่างเป็นทางการ หวังกระชับการทำงานในกระทรวงสำคัญ โดยเฉพาะกระทรวงที่เกี่ยวข้องกับเศรษฐกิจปากท้องของประชาชน
ทำให้การปรับคณะรัฐมนตรีเศรษฐา 1/1 จะเห็นการสลับสับเปลี่ยนในกระทรวงหลักด้านเศรษฐกิจ โดยเฉพาะกระทรวงการคลังที่ถือว่าเป็นการปรับใหญ่ ที่นายกรัฐมนตรีได้จัดกระบวนทัพ ถอดตัวเองออกจากรัฐมนตรีว่าการ เพื่อหลีกทางให้บุคลากรที่มีความรู้ความสามารถ และเวลาเข้ามาทำหน้าที่อย่างเต็มที่
สำหรับเจ้ากระทรวงที่มานำทัพด้านเศรษฐกิจรอบนี้ เรียกว่าเป็นไปตามโผที่มีการคาดการมาตั้งแต่แรก แบบม้วนเดียวจบก็คือ นายพิชัย ชุณหวชิร ที่จะมาดำรงตำแหน่งนี้ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง อีกทั้งยังควบ เป็นรองนายกรัฐมนตรี ที่แว่วว่า จะได้รับผิดชอบดูแลด้านเศรษฐกิจทั้งหมด
ขณะเดียวกัน ยังเพิ่ม นายเผ่าภูมิ โรจนสกุล รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง อีกหนึ่งตำแหน่ง โดยบทบาทที่วางไว้คือการมาขับเคลื่อนนโยบาย “ดิจิทัลวอลเล็ต” ที่มีวงเงินมากถึง 5 แสนล้าน ส่วนตำแหน่งเดิมที่ไม่ได้มีการขยับและคงเดิมก็คือ นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ และ นายกฤษฎา จีนะวิจารณะ ที่ยังคงเป็นรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง รวมแล้วในกระทรวงการคลังนี้จะมีรัฐมนตรีถึง 4 คนด้วยกัน
เมื่อหันมามองความเคลื่อนไหวเร่งด่วน ก็จะพบว่าพรรครัฐบาลนี้มีความมุ่งมั่นที่จะแก้ปัญหาเศรษฐกิจในหลายด้านเรื่องร้อนอย่าง “ดิจิทัลวอลเล็ต” ที่ตอนนี้แม้ว่าจะเห็นรูปเป็นร่าง แต่ก็ยังมีปัญหาที่คาดว่าจะตามมาอีกไม่น้อย ทั้งเรื่องของวิธีการดำเนินการอย่างเหมาะสม เรื่องของแหล่งเงินทุนที่จะนำมาใช้แบบไม่ขัดกับกฎหมาย และจำดำเนินการอย่างไรให้มีความโปร่งใส จนไปถึงเรื่องของเงื่อนไขคุณสมบัติของคนที่จะได้และของร้านค้าที่จะเข้าโครงการ เรื่องนี้ต้องมีความชัดเจนและเคลียร์ปมของสงสัยของสังคม
อีกเรื่องที่สำคัญคือ การสร้างความเชื่อมั่นในตลาดทุน ที่ต้องยอมรับเป็นขาลงแบบต่ำสุด จึงเป็นการดีที่ “นายพิชัย ชุณหวชิร” จะเข้ามาดูแลและจัดการปัญหาต่างๆให้ดีขึ้น จนทำให้ตลาดหุ้นกลับมาเกิดความเชื่อมั่นอีกครั้ง เพราะเป็นคนที่มีประสบการณ์และความรู้เชี่ยวชาญในด้านที่ตัวเองถนัดนี้อยู่แล้ว
อีกเรื่องที่สำคัญก็คือการกลับมาทำงานร่วมกันอย่างไร้รอยต่อกับธนาคารแห่งประเทศ หรือ แบงก์ชาติ ที่ก่อนหน้านี้ดูเหมือนจะไม่ค่อยลงรอยกัน จนรัฐบาลมองว่าเป็นอุปสรรคที่ขับเคลื่อนนโยบาย ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการที่รัฐบาลขอให้ลดดอกเบี้ย เรื่องนโยบาย“ดิจิทัลวอลเล็ต” ซึ่งทำให้ดูเหมือนว่ามีความขัดแย้ง ดังนั้นก็ต้องดูว่ารมว.คลังจะมีการปรับการทำงานให้สามารถทำงานอย่างชื่นมื่นได้หรือไม่ เพราะผลประโยชน์ทั้งหมดจะเกิดกับประชาชนนั่นเอง
ทั้งหมดก็ถือว่าเป็นปัญหาเบื้องต้นที่ผู้บริหารกระทรวงการคลังชุดใหม่จะต้องนำกลับไปทำเป็นการบ้าน เพื่อสานต่องานของรัฐบาลให้ราบรื่นต่อไป
ประวัติ 2 รมต.กระทรวงคลังคนใหม่
สำหรับนายพิชัย ชุณหวชิร ปัจจุบันอายุ 75 ปี เกิดวันที่ 15 ก.พ.2492 ตำแหน่งล่าสุดก่อนที่จะมาเป็นรองนายกรัฐมนตรีควบ รมว.คลัง คือที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี ประธานคณะกรรมการตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) และประธานกรรมการ บริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ BCP
โดย จบการศึกษาบัญชีบัณฑิต (การบัญชี) มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ปริญญาโท บริหารธุรกิจ Master of Business Administration, Indiana University of Pennsylvania, USA ปริญญาดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์ทางบัญชี มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ปริญญาปรัชญาดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์ สาขาวิชาบริหารการเงิน มหาวิทยาลัยมหาสารคาม และปริญญาดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์ทางบัญชี มหาวิทยาลัยศรีปทุม
ขณะที่นายเผ่าภูมิ โรจนสกุล รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง เกิดเมื่อวันที่ 22 ก.พ. พ.ศ. 2526 ปัจจุบันอายุ 41 ปี แรกเริ่มรับราชการที่สำนักนโยบายระบบการเงินและสถาบันการเงิน สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง กระทรวงการคลัง เป็นระยะเวลา 1 ปี ก่อนในเวลาต่อมาจะเข้ามามีบทบาทในพรรคเพื่อไทยตั้งแต่ช่วงปี 2562 โดยได้ช่วยดูแลงานด้านเศรษฐกิจและเป็นทีมนโยบายของพรรค นอกจากนี้ยังเป็นหนึ่งในคณะกรรมการนโยบายโครงการดิจิทัลวอลเล็ต
สำหรับการศึกษา สำเร็จการศึกษาระดับปริญญาตรีจากคณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ จากนั้นได้ไปศึกษาต่อที่สหรัฐอเมริกา สำเร็จการศึกษาระดับปริญญาโทใบที่ 1 จากคณะบริหารธุรกิจ มหาวิทยาลัยแมสซาชูเซตส์ บอสตัน และปริญญาโทใบที่ 2 รวมถึงปริญญาเอก จากคณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยอิลลินอยส์ เมืองชิคาโก.