ส่อง 5 หุ้น รับยอดส่งออก “อาหารสัตว์เลี้ยง-สินค้าเกษตร” มี.ค. ฟื้น ชู ITC ท็อปพิก!

ส่อง 5 หุ้น “อาหารสัตว์เลี้ยง-ค้าปลีก” AAI-ITC รับยอดส่งออกอาหารสัตว์โต 30% ส่วน CPALL-CPAXT-BJC รับประโยชน์ส่งออกข้าวและยางพาราขยายตัว โบรกฯชู ITC ท็อปพิก!


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจากสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า (สนค.) กระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยภาวะการค้าระหว่างประเทศของไทย เดือนมี.ค.67 ว่า การส่งออกมีมูลค่า 24,960 ล้านดอลลาร์ ลดลง 10.90% เมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันในปี 66 จากตลาดคาดการณ์หดตัว 4.00-5.90% โดยเป็นการพลิกกลับมาหดตัวครั้งแรกในรอบ 8 เดือน

โดยสาเหตุสำคัญที่ทำให้การส่งออกในเดือนมี.ค.นี้ลดลง เนื่องจากเทียบกับฐานที่สูงในเดือนมี.ค.66 ประกอบปีนี้สภาพอากาศร้อนจัด ทำให้ปริมาณผลผลิตผลไม้ โดยเฉพาะทุเรียนชะลอออกสู่ตลาดไปเป็นเดือนเม.ย. ซึ่งต่างจากในเดือนมี.ค.66 ที่ปริมาณทุเรียนออกสู่ตลาดมาก อย่างไรก็ตาม ก็ยังมีสินค้าสำคัญที่ขยายตัวได้ดีอยู่ อาทิ ข้าว, ยางพารา, อาหารทะเลกระป๋องและแปรรูป อาหารสัตว์เลี้ยง, ผลไม้กระป๋องและแปรรูป, สิ่งปรุงรสอาหาร นม และผลิตภัณฑ์จากนม

นายกรภัทร วรเชษฐ์ ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัยและบริการการลงทุน บริษัทหลักทรัพย์ กรุงศรี พัฒนสิน จำกัด (มหาชน) หรือ KCS เปิดเผยผ่านบทวิเคราะห์ว่า แม้ยอดส่งออกไทยจะขายตัวลดลง 10% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน แต่หากมองรายสินค้ายังมีบางกลุ่มที่มีโมเมนตัมทางบวก

โดยกลุ่มที่มียอดส่งออกเติบโต คือ อาหารสัตว์เลี้ยง มียอดส่งออกเดือนมี.ค. 67 เพิ่มขึ้น 29.60% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน (เมื่อเทียบในช่วง 3 เดือนแรกปี 67 เพิ่มขึ้น 20.20% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน และขยายตัวต่อเนื่อง 6 เดือน) จะเป็นประโยชน์ต่อหุ้นจำหน่ายอาหารสัตว์เลี้ยง อาทิ บริษัท เอเชี่ยน อะไลอันซ์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) หรือ AAI และ บริษัท ไอ-เทล คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ ITC

ส่วนกลุ่มที่มียอดส่งออกเติบโตได้ดีต่อเนื่อง คือ ข้าว ยอดส่งออกเพิ่มขึ้น 30.60% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน (เมื่อเทียบในช่วง 3 เดือนแรกปี 67 เพิ่มขึ้น 43.20% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน และขยายตัวต่อเนื่อง 9 เดือน) ยางพารา ยอดส่งออกเพิ่มขึ้น 36.90% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน (เมื่อเทียบในช่วง 3 เดือนแรกปี 67 เพิ่มขึ้น 24.90% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน และขยายตัวต่อเนื่อง 5 เดือน) ซึ่งเป็นผลดีต่อรายได้กลุ่มฐานราก และเป็นบวกต่อกลุ่มค้าปลีกที่มีฐานลูกค้าดังกล่าว อาทิ บริษัท ซีพี ออลล์ จำกัด (มหาชน) หรือ CPALL, บริษัท ซีพี แอ็กซ์ตร้า จำกัด (มหาชน) หรือ CPAXT และบริษัท เบอร์ลี่ ยุคเกอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ BJC

สำหรับกลยุทธ์การลงทุน แนะนำ “เก็งกำไร” AAI ราคาเป้าหมาย 5.30 บาท และ ITC ราคาเป้าหมาย 25.60 บาท ขณะที่ยังแนะนำสะสมหุ้นกลุ่มค้าปลีกต่อเนื่อง โดยแนะนำ “ซื้อ” ได้แก่ CPALL ราคาเป้าหมาย 76.00 บาท, CPAXT ราคาเป้าหมาย 39.00 บาท และ BJC ราคาเป้าหมาย 36.00 บาท

ด้านบริษัทหลักทรัพย์ เมย์แบงก์ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ MST ระบุในบทวิเคราะห์ว่า แม้ยอดส่งออกไทยเดือนมี.ค. 67 จะหดตัว 10% ต่ำกว่าที่คาดการณ์ไว้ ซึ่งมีปัจจัยกดดันมาจากการผลิตของประเทศคู่ค้าชะลอตัว และฐานสูง

อย่างไรก็ตาม ยังมีการส่งออกรายกลุ่มที่ปรับตัวขึ้นได้คือ 1) สินค้าเกษตร เพิ่มขึ้น 0.10% มาจากยอดส่งอออกข้าวและยางพาราเพิ่มอย่างโดดเด่นในตลาดจีน 2) อุตสาหกรรมเกษตร โดยอาหารสัตว์เลี้ยง เพิ่มขึ้น 29.60%, อาหารทะเลกระป๋อง และแปรรูป เพิ่มขึ้น 1.50%

สำหรับกลยุทธ์การลงทุน แนะนำเน้นเก็งกำไรกลุ่มสินค้าที่ขยายตัวเด่น โดนฝ่ายวิเคราะห์เลือก ITC

ทั้งนี้ กระทรวงพาณิชย์ยังคงมุมมองเชิงบวกต่อการส่งออกของไทย โดยประเมินยอดส่งออกไตรมาส 2/2567 จะพลิกเป็นบวกได้ที่ราว 2% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน เป็นผลจากแรงหนุนของอุปสงค์สินค้าเกษตรของประเทศคู่ค้า การฟื้นตัวตามวัฏจักรของสินค้ากลุ่มอิเล็กทรอนิกส์ และความต้องการสินค้าเกี่ยวเนื่องกับพลังงานสะอาด อีกทั้งยังคาดการณ์ยอดส่งออกปี 2567 จะกลับมาขยายตัวที่ 2% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน

Back to top button