SCCC ยอดขายปูนฟื้น-ต้นทุนลด ดันกำไร Q1 โต 53% ทะลุพันล้านบาท

บริษัท ปูนซีเมนต์นครหลวง จำกัด (มหาชน) หรือ SCCC รายงานผลการดำเนินงานงวดไตรมาส 1/67 มีกำไรสุทธิ ดังนี้

สำหรับ SCCC รายงานผลประกอบการไตรมาส 1/67 มีกำไรสุทธิอยู่ที่ 1,161.12 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 53.12% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิอยู่ที่ 758.32 ล้านบาท โดยได้แรงหนุนจากผลการดําเนินงานที่แข็งแกร่งในต่างประเทศ และประสิทธิภาพการผลิตที่ดีขึ้นประกอบกับต้นทุนพลังงานที่ปรับตัวลดลง  อีกทั้ง ยังได้รับผลประโยชน์จากการปรับโครงสร้างทั่วทั้งกลุ่มของบริษัทฯ

ขณะเดียวกัน SCCC ยังมีรายได้จากการขายสุทธิเพิ่มขึ้น 4% เมื่อเทียบไตรมาสก่อน ซึ่งได้รับแรงหนุนจากปริมาณขายที่เพิ่มขึ้นเมื่อเทียบไตรมาสก่อนหน้า ทั้งในประเทศไทยและศรีลังกา ทั้งนี้ ในประเทศศรีลังกาได้ประโยชน์จากการที่เศรษฐกิจมีเสถียรภาพมากขึ้นจากการช่วยเหลือของ กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) และความต้องการในตลาดรวมทั้งราคาขายที่สูงขึ้น

ส่วนกำไรก่อนดอกเบี้ยภาษีและค่าเสื่อมราคาเพิ่มขึ้น 1% เมื่อเทียบไตรมาสก่อนกหน้าและเพิ่มขึ้น 38% เมื่อเทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน ซึ่งการเพิ่มขึ้นจากปีก่อนส่วนใหญ่มาจากการดำเนินงานในต่างประเทศที่ดีขึ้น 26% รวมทั้งในประเทศไทยดีขึ้น 12% โดยได้แรงหนุนจากต้นทุนพลังงานความร้อนและต้นทุนคงที่ที่ลตลงและประสิทธิภาพการดำเนินงานที่ดีขึ้น นอกจากนี้ รายได้รวมในไตรมาส 1/2567 ของบริษัทฯ มาจากประเทศไทยซึ่งคิดเป็น 72% ส่วนใหญ่เป็นรายได้การขายปูนซีเมนต์และคอนกรีตผสมเสร็จ

ขณะที่ ตลาดศรีลังกาแสดงสัญญาณของการฟื้นตัวขึ้นท่ามกลางเศรษฐกิจที่เข้าสู่สภาวะปกติหลังจาก กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) เข้ามาช่วยเหลือ ส่วนตลาดเวียดนามตอนใต้แสดงสัญญาณของการฟื้นตัวเช่นกัน ซึ่งความต้องการปูนซีเมนต์มากขึ้นทั้งปูนถุงและปูนผงอย่างไรก็ตามผลการดําเนินงานในไตรมาส 1/67 โดยปกติจะได้รับผลกระทบจากวันหยุดยาวในเทศกาลปีใหม่ (TetHoliday) ในเดือนกุมภาพันธ์ และการปิดเตาเผาตามแผนในเดือนมีนาคม

โดยตลาดเวียดนามมีสัญญาณของการฟื้นตัว ซึ่งสะท้อนจากการไหลเข้าของเงินลงทุนจากต่างประเทศ, การเกินดุลทางการค้า, การฟื้นตัวของการบริโภคภายในประเทศ, การใช้นโยบายการคลังเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ, การลงทุนจากภาครัฐ และความต้องการปูนซีเมนต์ทั้งปูนถุงและปูนผงที่เพิ่มมากขึ้น

ทั้งนี้ บริษัทฯได้รายได้จากบริษัทร่วมเพิ่มขึ้นจากปริมาณการขายมากขึ้นและราคาขายที่ดีขึ้นจากการปรับสัดส่วนของการขายสินค้าแต่ละชนิดให้เหมาะสม ในขณะที่รายได้จากกิจการร่วมค้าที่เพิ่มขึ้นเป็นผลมาจากปริมาณขายเพิ่มขึ้นและต้นทุนที่ลดลง