GSC ส่งหลักฐาน “เงินฝาก 70 ลบ.” บางส่วนให้ผู้สอบแล้ว-เร่งทวงคืนมัดจำ “ที่ดิน” 100 ล้าน
GSC ส่งหลักฐานผู้สอบบัญชีปมฝากเงิน 70 ล้านบาท 2 ใน 3 บริษัทแล้ว กรณีผู้ขายที่ดินผิดสัญญาเร่งขอคืนเงินมัดจำ 100 ล้านบาท ฟากการขาดทุนหลังขาย A2R นั้นเกิดจากความผิดพลาดทางเทคนิค เนื่องจากบริษัทมีการตัดรายการซ้ำซ้อนบนข้อมูลรายการทางบัญชีในไตรมาส 3
บริษัท โกลบอล เซอร์วิส เซ็นเตอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ GSC แจ้งผ่านตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) จากกรณีข่าวตลาดหลักทรัพย์ฯ ขอให้ผู้ลงทุนศึกษาข้อมูลงบการเงินของ GSC และติดตามคําชี้แจงของบริษัท โดยระบุว่า ตามที่บริษัทได้นําส่งงบการเงินประจำปี 2566 โดยผ่านการตรวจสอบจากผู้สอบบัญชีรับอนุญาตมายังตลาดหลักทรัพย์ฯ ซึ่งผู้สอบบัญชีได้แสดงความเห็นอย่างมีเงื่อนไขกรณีไม่สามารถหาหลักฐานการสอบบัญชีของบัญชีเงินฝากธนาคารของกลุ่มบริษัท จำนวน 70 ล้านบาท และมีข้อสังเกตกรณีบริษัทได้รับหนังสือจากกรรมการของบริษัท 4 ท่าน ในเดือนกันยายน 2566
ขณะที่ ขอให้ระงับการซื้อที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้างมูลค่า 150 ล้านบาท และรายการขายเงินลงทุนในบริษัทย่อยมูลค่า 60 ล้านบาท ดังมีรายละเอียดตามข่าวตลาดหลักทรัพย์ฯ ลงวันที่ 23 เมษายน 2567 เรื่อง ตลาดหลักทรัพย์ฯ ขอให้ผู้ลงทุนศึกษาข้อมูลงการเงินของ GSC และติดตามคําชี้แจงของบริษัทตามเอกสารที่อ้างถึงที่ 1 นั้น บริษัทจึงขอเรียนชี้แจงข้อมูลตามคําถามของตลาหลักทรัพย์ฯ ดังนี้
ประเด็นที่ 1 สาเหตุที่ผู้สอบบัญชีถูกจำกัดขอบเขตโดยสถานการณ์ทำให้ไม่สามารถส่งหนังสือยืนยันยอดเงินฝากธนาคารของกลุ่มบริษัท จำนวนเงินประมาณ 70 ล้านบาทได้ในขณะที่บริษัทแต่งตั้งคณะกรรมการแล้ว
โดยบริษัทขอเรียนชี้แจงว่าในช่วงเวลาที่ผู้สอบบัญชีขอดูข้อมูลหนังสือยืนยันเงินฝากธนาคารของบริษัทย่อยของบริษัท ซึ่งได้แก่ 1. บริษัท อัลไลแอนซ์ แคช คอร์ปอเรชั่น จำกัด 2.บริษัท จีเอ็มบี โซลูชั่น จำกัด และ 3.บริษัท บริหารสินทรัพย์ แคปปิตอล เอเชีย จำกัด เพื่อใช้ในการจัดทำงบการเงินของบริษัทประจำปี 2566 นั้น แม้ว่าบริษัทได้เสร็จสิ้นกระบวนการแต่งตั้งและเปลี่ยนกรมการชุดใหม่แล้วก็ตามแต่ในขณะนั้นบริษัทกำลังอยู่ในระหว่างการเจรจากับคณะกรมการและผู้ถือหุ้นกลุ่มอื่นของบริษัททั้ง 3 บริษัท เพื่อดำเนินการเปลี่ยนแปลงคณะกรรมการ และแก้ไขอำนาจลงนามของกรรมการ รวมทั้งแก้ไขอำนาจลงนามในบัญชีธนาคารของแต่ละบริษัทอยู่
ดังนั้น บริษัทจึงไม่สามารถนำส่งหนังสือยืนยันยอดเงินฝากธนาคารของบริษัทย่อยจำนวนเงินประมาณ 70 ล้านบาท ดังกล่าวให้กับผู้สอบบัญชีตามที่ผู้สอบร้องขอได้ แต่บริษัทได้รายงานความคืบหน้าในเรื่องดังกล่าวให้ผู้สอบบัญชีทราบมาโดยตลอด อย่างไรก็ดีในปัจจุบันบริษัทได้ดำเนินการเปลี่ยนแปลงคณะกรรมการและอำนาจลงนามในบัญชีธนาคารของบริษัทย่อยจำนวน 2 บริษัท คือ บริษัท อัลไลแอนซ์ แคช คอร์ปอเรชั่น จํากัด และ บริษัท จีเอ็มบี โซลูชั่น จํากัด เป็นที่เรียบร้อยแล้วเมื่อวันที่ 23 กุมภาพันธ์ 2567 รวมถึงผู้สอบบัญชีได้รับหนังสือยืนยันยอดเงินฝากธนาคารของบริษัทย่อย ทั้ง 2 บริษัทนี้ เป็นที่เรียบร้อยแล้ว
ทั้งนี้ คงเหลือแต่ บริษัท บริหารสินทรัพย์ แคปปิตอล เอเซีย จํากัด ที่กําลังอยู่ในระหว่างการดำเนินการภายในเพื่อเปลี่ยนแปลงคณะกรรมการบริษัทแก้ไขอำนาจลงนามของกรรมการ และแก้ไขอำนาจลงนามในบัญชีธนาคารของบริษัทดังกล่าวต่อไป ทั้งนี้เมื่อบริษัทดำเนินการเปลี่ยนแปลงอำนาจลงนามในบัญชีธนาคารทั้งหมดเป็นที่เรียบร้อยแล้วบริษัทก็จะสามารถชี้แจงและให้ข้อมูลทั้งหมดเพื่อประโยชน์ในการสอบบัญชีอย่างครบถ้วนถูกต้องได้ต่อไป
ประเด็นที่ 2 การพิจารณาข้อมูลเกี่ยวกับภาระผูกพันของที่ดินและสิ่งปลูกสร้างก่อนทำรายการหรือชำระเงินมัดจำ
ตามที่บริษัทได้เคยชี้แจงต่อตลาดหลักทรัพย์ฯ ตามเอกสารที่อ้างอิงที่ 2 บริษัทขอเรียนว่าการพิจารณาข้อมูลเกี่ยวกับการะผูกพันของที่ดินและสิ่งปลูกสร้างก่อนทำรายการ และการชำระเงินมัดจำอยู่ในขอบอำนาจการอนุมัติโดยคณะกรรมการบริษัท ซึ่งการเข้าทำธุรกรรมดังกล่าวเป็นไปตามมติที่ประชุมคณะกรรมการบริษัท ครั้งที่ 3/2566 เมื่อวันที่ 19 กรกฎาคม 2566 ซึ่งเป็นคณะกรรมการคนละชุดกับคณะกรมการบริษัทชุดปัจจุบัน ซึ่งมีรายละเอียดอำนาจการอนุมัติที่เกี่ยวข้อง ดังนี้
1.การเข้าทำธุรกรรมการซื้อที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้าง (รายการได้มาซึ่งสินทรัพย์ประเภทที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้างและส่วนปรับปรุงพัฒนา)
โดยการวางเงินมัดจำหรือเงินประกันต่อบุคคลหรือกิจการภายนอกที่เกี่ยวข้องกับการดำเนินกิจการและสาธารณูปโภค วงเงินเกินกว่า 500,000 บาท ต้องดำเนินเสนอโดยประธานเจ้าหน้าที่บริหาร รวมทั้ง อนุมัติโดยคณะกรรมการบริหารการอนุมัติการขอซื้อสินทรัพย์ถาวร วงเงินเกินกว่า 5 ล้านบาท ต้องดำเนินเสนอโดยคณะกรรมการบริหารและอนุมัติโดยคณะกรรมการบริษัท
2.การเข้าทำธุรกรรมการจําหน่ายเงินลงทุนในหุ้นสามัญของ บริษัท แอสเซท เอเจนท์ แอนด์ เรียลเอสเตท จํากัด (สิ้นสภาพบริษัทย่อย) การขายสินทรัพย์ (ยกเว้นอสังหาริมทรัพย์) มูลค่าตามบัญชีเกินกว่า 10 ล้านบาท ต้องดำเนินเสนอโดยประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการเงินและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร รวมถึงอนุมัติโดยคณะกรรมการบริษัท
ขณะที่ บริษัทนำโดยคณะกรรมการชุดปัจจุบันอยู่ระหว่างการตรวจสอบข้อเท็จจริงที่เกี่ยวข้องกับการนําเสนอข้อมูลต่างๆ เพื่อให้คณะกรรมการบริษัทชุดวันที่ 19 กรกฎาคม 2566 พิจารณาอนุมัติว่าข้อมูลดังกล่าวถูกต้องสมบูรณ์หรือไม่ และหากมีความคืบหน้าเพิ่มเติมใดๆ บริษัทจะชี้แจง พร้อมเปิดเผยข้อเท็จจริงต่อตลาดหลักทรัพย์ฯ ต่อไป
ประเด็นที่ 3 ความคืบหน้าของการตรวจสอบข้อเท็จจริงรายการซื้อที่ดินและสิ่งปลูกสร้างการขาย A2R รามถึงผู้มีอำนาจลงนามในการทำธุรกรรมดังกล่าวตามที่บริษัทได้เคยเปิดเผยเมื่อวันที่ 27 ธันวาคม 2566 และ วันที่ 1 เมษายน 2567
บริษัทขอเรียนแจ้งเกี่ยวกับความคืบหน้าของการตรวจสอบข้อเท็จจริงรายการซื้อที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง รวมทั้งการขาย บริษัท แอส เซท เอเจนท์ แอนด์ เรียลเอสเตท จํากัด (“A2R”) รวมถึงผู้มีอำนาจลงนามในการทำธุรกรรมดังกล่าว ดังต่อไปนี้
1.ธุรกรรมการซื้อที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้าง (รายการได้มาซึ่งสินทรัพย์ประเภทที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้างและส่วนปรับปรุงพัฒนา)
ตามที่เมื่อวันที่ 23 พฤศจิกายน 2566 บริษัท ดิจิตอล พี.วี. จำกัด (ผู้จะขาย ไม่มีความพร้อมที่จะโอนกรรมสิทธิ์ในที่ดินและสิ่งปลูกสร้างตามสัญญาจะซื้อจะขายทรัพย์สินฉบับลงวันที่ 25 สิงหาคม 2566 (สัญญาจะซื้อจะขาย) ให้แก่บริษัทอันเป็นกรณีที่ผู้จะขายผิดสัญญาจะซื้อขายที่ดินฉบับนี้ตามที่บริษัทได้เคยเรียนขี้แจงต่อตลาดหลักทรัพย์ฯ แล้ว
ต่อมาบริษัทได้ส่งหนังสือให้แก่ผู้จะขายเพื่อขอให้ผู้จะขายปฏิบัติการชําระหนี้ตามสัญญาจะซื้อจะขายในการโอนกรรมสิทธิ์ทรัพย์สินที่จะซื้อขาย (ที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง) ที่ปราศจากภาระผูกพัน รวมถึงภาระติดค้างหรือภาระหนี้สินอย่างใดๆ ที่เกี่ยวข้องกับทรัพย์สินที่จะซื้อขายให้แก่บริษัท
อย่างไรก็ตาม ผู้จะขายกลับมีหนังสือตอบกลับมายังบริษัทเพื่อขอปฏิเสธการโอนกรรมสิทธิ์ในที่ดิน และสิ่งปลูกสร้างตามสัญญาจะซื้อจะขายขอบอกเลิกสัญญาและริบเงินมัดจำและราคาซื้อขาย จำนวน 100 ล้านบาท ที่บริษัทชําระไปแล้ว โดยบริษัทจึงได้มีหนังสือตอบกลับไปยังผู้จะขายอีกครั้งหนึ่งเพื่อยืนยันขอให้ปฏิบัติตามสัญญาจะซื้อจะขาย โดยปฏิเสธข้อกล่าวอ้างของผู้จะขายทั้งหมด
ขณะที่ เมื่อวันที่ 18 เมษายน 2567 บริษัทได้เดินทางไปยังสำนักงานที่ดินจังหวัดปทุมธานี พร้อมเช็คเงินสดจำนวน 50 ล้านบาทสำหรับการชำระราคาซื้อขายที่ดินงวดสุดท้ายตามสัญญาจะซื้อจะขายแต่ไม่พบผู้จะขายหรือผู้รับมอบอำนาจผู้จะขายที่ สำนักงานที่ดินจังหวัดปทุมธานี แต่อย่างใด แม้ว่าผู้จะขายได้รับหนังสือของบริษัทโดยชอบแล้วก็ตาม ดังนั้น จึงถือว่าผู้จะขายจงใจไม่ปฏิบัติหน้าที่ตามสัญญาจะซื้อจะขายภายในระยะเวลาพอสมควรตามที่บริษัทฯได้บอกกล่าวให้ผู้จะขายดำเนินการและเป็นฝ่ายผิดสัญญาจะซื้อจะขายฯ ในข้อสาระสำคัญ
โดยต่อมา เมื่อวันที่ 24 เมษายน 2567 บริษัทจึงได้ส่งหนังสือขอบอกเลิกสัญญาจะซื้อจะขายฯ กับผู้จะขาย โดยให้มีผลบังคับในทันทีนับแต่วันที่ผู้จะขายได้รับหนังสือขอบอกเลิกสัญญาดังกล่าว และขอให้ผู้จะขายดำเนินการคืนเงินมัดจำ จำนวน 60 ล้านบาท และเงินคำทรัพย์สินงวดที่ 2 จำนวน 40 ล้านบาท รวมเป็นเงินจำนวน 100 ล้านบาท (เรียกรวมกันว่าเงินที่บริษัทจ่ายไปทั้งหมด พร้อมดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 3 ต่อปี ของต้นเงินจำนวน 100 ล้านบาท (ดอกเบี้ย) นับแต่วันที่ผู้จะขายได้รับเงินจำนวนดังกล่าวจนกว่าจะชำระเงินจำนวน 100 ล้านบาทให้แก่บริษัทฯ ครบถ้วน โดยขอให้ชำระภายใน 14 วันนับแต่วันที่ผู้จะขายได้รับหนังสือฉบับนี้จากบริษัท
อย่างไรก็ตาม ขณะนี้บริษัทยังไม่ได้รับเงินที่บริษัทจ่ายไปทั้งหมดพร้อมดอกเบี้ยคืนแต่อย่างใด บริษัทจึงอยู่ระหว่างการรับคืนเงินจำนวนดังกล่าว และหากผู้จะขายเพิกเฉยไม่ดำเนินการดังกล่าวภายในกำหนดระยะเวลาข้างต้น จะมีการดำเนินการทางกฎหมายและเรียกร้องค่าเสียหายต่างๆ กับผู้จะขายต่อไปในทันที
2.ธุรกรรมการจําหน่ายเงินลงทุนในหุ้นสามัญของ A2R
บริษัทขอเรียนว่าเนื่องจากเอกสารและข้อเท็จจริงสำหรับการพิจารณาและตรวจสอบกรณีธุรกรรมการจําหน่ายเงินลงทุนในหุ้นสามัญของ A2R มีจำนวนมาก ขณะนี้ อยู่ในระหว่างการรวบรวมข้อมูลข้อเท็จจริง และเอกสารที่เกี่ยวข้องเพื่อพิจารณาไตร่ตรองอย่างรอบคอบสำหรับการดำเนินการในขั้นตอนต่อไป
ประเด็นที่ 4 สาเหตุที่บริษัทรับรู้กำไรและขาดทุนการขาย A2R ในแต่ละงวดบัญชีต่างกัน
บริษัทขอเรียนว่า ข้อมูลทางบัญชีที่คลาดเคลื่อนในประเด็นนี้ เกิดจากความผิดพลาดทางเทคนิคของบริษัท เนื่องจากบริษัทมีการตัดรายการซ้ำซ้อนบนข้อมูลรายการทางบัญชีในไตรมาส 3 ที่บริษัทนำส่งให้กับผู้สอบบัญชีจึงทำให้ตัวเลขที่คำนวณออกมาแสดงผลเป็นกำไรจากการขายเงินลงทุนใน A2R ทั้งนี้ ต้องอภัยในความผิดพลาดนี้ และยืนยันว่าความคลาดเคลื่อนของข้อมูลดังกล่าวไม่ได้เกิดจากความจงใจของบริษัทแต่อย่างใด ขณะที่หวังว่าข้อมูลที่บริษัทชี้แจงข้างต้นจะเป็นประโยชน์ต่อการพิจารณาลงทุนในหลักทรัพย์ของบริษัท