KBANK ลดดอกเบี้ยกู้ 0.25% “กลุ่มเปราะบาง” นาน 6 เดือน เริ่ม 16 พ.ค.นี้

KBANK ประกาศลดดอกเบี้ยกู้กลุ่มเปราะบาง 0.25% เป็นเวลา 6 เดือน เริ่มตั้งแต่ 16 พ.ค.นี้ หวังช่วยลูกค้าให้ผ่านพ้นทุกวิกฤต และเดินหน้าต่อไปอย่างยั่งยืน


นายรุ่งเรือง สุขเกิดกิจพิบูลย์ กรรมการผู้จัดการ ธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) หรือ KBANK เปิดเผยว่า จากปัญหาสภาวะเศรษฐกิจที่ยังฟื้นตัวไม่เต็มที่และไม่ทั่วถึง ธนาคารตระหนักถึงผลกระทบทางเศรษฐกิจที่มีต่อลูกค้าโดยเฉพาะกลุ่มเปราะบาง จึงออกนโยบายช่วยเหลือปรับลดดอกเบี้ย 0.25% สำหรับเงินกู้ (Loan) ที่อ้างอิงอัตราดอกเบี้ยลอยตัว เป็นระยะเวลา 6 เดือน

โดยมีผลตั้งแต่วันที่ 16 พ.ค.67 เพื่อสะท้อนความห่วงใยของธนาคารที่มีต่อลูกค้า และความมุ่งมั่นในการช่วยเหลือลูกค้ากลุ่มเปราะบางให้สามารถฟื้นตัวได้ดีขึ้น รวมถึงสนับสนุนเศรษฐกิจไทยให้เข้าสู่ภาวะสมดุลและสามารถเติบโตได้อย่างยั่งยืน โดยลูกค้าที่ได้รับความช่วยเหลือทั้งลูกค้าบุคคลและ SME มีจำนวนประมาณ 200,000 ราย วงเงินสินเชื่อรวมประมาณ 82,000 ล้านบาท

ลูกค้ากลุ่มเปราะบางของธนาคารกสิกรไทยจะได้รับความช่วยเหลือมี 2 กลุ่ม โดยมีหลักเกณฑ์ดังนี้

1.ลูกค้าบุคคลที่ใช้ผลิตภัณฑ์ “สินเชื่อบ้าน” หรือ “สินเชื่อบ้านช่วยได้” ที่มีวงเงินอนุมัติรวมกับธนาคารกสิกรไทย ไม่เกิน 2,000,000 บาท ตามข้อมูลธนาคาร ณ วันที่ 31 มี.ค.67 และมีรายได้ไม่เกิน 30,000 บาทต่อเดือน ตามการประเมินของธนาคาร ณ วันที่ธนาคารพิจารณาอนุมัติสินเชื่อดังกล่าวครั้งล่าสุด

2.ลูกค้า SME ที่มียอดค้างชำระเงินกู้กับธนาคารกสิกรไทย และวงเงินสินเชื่อหมุนเวียนกับธนาคารกสิกรไทย รวมกันแล้วไม่เกิน 2,000,000 บาท ณ วันที่ 31 มี.ค.67 และมียอดขายไม่เกิน 200,000 บาทต่อเดือน ตามการประเมินของธนาคาร ณ วันที่ธนาคารพิจารณาอนุมัติสินเชื่อดังกล่าวครั้งล่าสุด

สำหรับลูกค้ากลุ่มเปราะบางทั้ง 2 กลุ่มที่จะได้รับความช่วยเหลือ ต้องมีสถานะหนี้เป็นปกติ และยังไม่ได้รับการช่วยเหลือตามมาตรการอื่นๆ ของธนาคาร นอกจากนี้ถ้าลูกค้ากลุ่มเปราะบางใช้ผลิตภัณฑ์ทั้ง 2 ประเภท ทั้งสินเชื่อบ้าน และ สินเชื่อ SME และเข้าหลักเกณฑ์ดังกล่าว จะได้รับการลดดอกเบี้ยทั้ง 2 ผลิตภัณฑ์ ทั้งนี้การคัดเลือกลูกค้าขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของธนาคารเป็นที่สิ้นสุด

นายรุ่งเรือง กล่าวอีกว่า ธนาคารกสิกรไทยมีความมุ่งมั่นในการช่วยเหลือและยืนหยัดเคียงข้างลูกค้าบุคคลและ SME มาอย่างต่อเนื่องในทุกสถานการณ์ ทั้งในช่วงวิกฤตโควิด-19 รวมถึงช่วงที่ต้องเผชิญกับปัญหาเศรษฐกิจที่มีความผันผวน ด้วยการช่วยเหลือลูกค้าเชิงรุกผ่านมาตรการต่างๆ เพื่อให้ลูกค้าสามารถผ่านพ้นทุกวิกฤต และเดินหน้าต่อไปอย่างยั่งยืนไปพร้อมกัน

Back to top button