KKPS แนะสอย 4 หุ้นอสังหาฯ ชี้ไตรมาส 2 ฟื้น! รับมาตรการภาครัฐ
KKPS แนะสอย 4 หุ้นอสังหาฯ ชี้ไตรมาส 2/67 ฟื้นแกร่ง รับมาตรการกระตุ้นภาคอสังหาริมทรัพย์รัฐบาล เลือก SPALI หุ้นท็อปพิก ได้ประโยชน์สูงสุด แนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 25 บาท
บริษัทหลักทรัพย์ เกียรตินาคินภัทร จำกัด (มหาชน) หรือ KKPS คาดการณ์ว่าผลประกอบการในไตรมาส 1/67 ของภาคอสังหาริมทรัพย์จะชะลอตัว โดยยอดขาย(pre-sales) และกำไรในไตรมาส 1/67 จะอ่อนตัวลง เนื่องจากภาวะเศรษฐกิจมหภาคที่ย่ำแย่และการบังคับใช้นโยบายการจำนองที่เข้มงวดอย่างต่อเนื่อง ซึ่งอาจส่งผลลบต่อราคาหุ้น บริษัท ศุภาลัย จำกัด (มหาชน) หรือ SPALI
อย่างไรก็ตาม KKPS มองว่าสถานการณ์ดังกล่าวเป็นโอกาสในการเข้าซื้อ โดยคาดว่า SPALI จะได้รับประโยชน์สูงสุดจากมาตรการกระตุ้นภาคอสังหาริมทรัพย์ของรัฐบาลและเห็นการฟื้นตัวของกำไรในไตรมาส 2/67 ที่สูงขึ้น
โดย KKPS คาดว่ายอดขาย(pre-sales)รวมในไตรมาส 1/67 ของนักพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ชั้นนำ 10 อันดับแรกจะอยู่ที่ระดับ 5.8 หมื่นล้านบาท (คิดเป็นสัดส่วนแนวราบ 57% และคอนโด 43%) ซึ่งลดลง 11% เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน และลดลง 20% เทียบไตรมาสก่อนหน้า โดยมองว่ายอดขาย(pre-sales) รวมของแนวราบลดลง 9% เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน และลดลง 6%เทียบไตรมาสก่อนหน้า และคอนโดลดลง 15% เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน และลดลง 34% เทียบไตรมาสก่อนหน้า
อย่างไรก็ตาม KKPS มองว่า SPALI จะเติบโตขึ้น เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน ขณะที่นักพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ส่วนใหญ่จะมีอัตราการเติบโตลดลงทั้ง เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน และเทียบไตรมาสก่อนหน้ายกเว้น SIRI โต 35% เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน
โดย KKPS คาดว่ายอดขาย(pre-sales) ของ SPALI ในไตรมาส 1/67 จะอยู่ที่ 6.9 พันล้านบาท (คิดเป็น 19% ของเป้าหมายปี 2567) ลดลง 23% เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน และโต 29% เทียบไตรมาสก่อนหน้า และคาดว่ากำไรในไตรมาส 1/67 จะลดลงเหลือ 694 ล้านบาท หรือลดลง 36% เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน และลดลง 66% เทียบไตรมาสก่อนหน้า เนื่องจากรายได้จากธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ที่อ่อนแอ 4.5 พันล้านบาท ลดลง 20% เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน และลดลง 55% เทียบไตรมาสก่อนหน้า และอัตรากำไรขั้นต้นที่ลดลง
นอกจากนี้ KKPS ประเมินยอด pre-sales ของบริษัท เอพี (ไทยแลนด์) จำกัด (มหาชน) หรือ AP ในไตรมาส 1/67 ที่ 9.7 พันล้านบาท (คิดเป็น 17% ของเป้าหมายปี 2567) ลดลง 12% เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน และลดลง 40% เทียบไตรมาสก่อนหน้า และคาดว่ากำไรจากการดำเนินงานหลักจะอยู่ที่ 1 พันล้านบาท (ลดลง 32% เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน และลดลง 24% เทียบไตรมาสก่อนหน้า) เนื่องจากรายได้จากธุรกิจอสังหาริมทรัพย์และอัตรากำไรขั้นต้นหดตัวลง
โดยคาดว่ารายได้จากธุรกิจอสังหาริมทรัพย์จะอยู่ที่ 7.8 พันล้านบาท (ลดลง 15% เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน และลดลง 14% เทียบไตรมาสก่อนหน้า) และอัตรากำไรขั้นต้นจากธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ลดลงเหลือ 33.8% ในไตรมาส 1/67 เทียบกับ 35.5% ของไตรมาส 1/66 และ 35.2% ของไตรมาส 4/66 จากการปรับปรุงต้นทุนในปีที่ผ่านมา
นอกจากนี้ KKPS คาดว่ายอด pre-sales ของบริษัทแลนด์แอนด์เฮ้าส์ จำกัด (มหาชน) หรือ LH ในไตรมาส 1/67 จะอยู่ที่ 5.7 พันล้านบาท (คิดเป็น 18% ของเป้าหมายปี 2567) โต 19% เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากฐานที่ต่ำมากในไตรมาส 1/66 แต่ลดลง 34% เทียบไตรมาสก่อนหน้า (เทียบไตรมาสก่อนหน้า ที่ลดลงนั้นมาจากยอด pre-sales คอนโดจากการเปิดตัวคอนโด “วันเวลา ณ เจ้าพระยา” ในไตรมาส4/66)
โดย KKPS ประมาณการกำไรจากการดำเนินงานหลักของ LH ที่ 1.3 พันล้านบาท ( ลดลง 8% เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน และลดลง 17% เทียบไตรมาสก่อนหน้า) โดยคาดว่ากำไรสุทธิจะลดลง 62% เทียบไตรมาสก่อนหน้า เนื่องจากในไตรมาส 1/67 ไม่มีกำไรจากการลงทุนในสินทรัพย์เลย เทียบกับกำไร 2 พันล้านบาทจากการลงทุนในสินทรัพย์ในไตรมาส 4/66
ทั้งนี้แม้ว่าฐานรายได้จากธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ในไตรมาสไตรมาส 1/66 และไตรมาส 4/66 จะต่ำ แต่ก็คาดว่ารายได้จากธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ในไตรมาส 1/67 จะลดลง 8% เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน และลดลง 5% เทียบไตรมาสก่อนหน้า เหลือ 4.4 พันล้านบาท ซึ่งส่งผลกดดันอัตรากำไรขั้นต้น
อย่างไรก็ตามคาดการณ์ของ KKPS ในไตรมาส 2/67 มาตรการกระตุ้นภาคอสังหาริมทรัพย์ของรัฐบาลจะส่งผลเชิงบวกต่อการเติบโตของอุปสงค์อสังหาริมทรัพย์ในตลาดระดับกลางถึงระดับสูง ซึ่งคาดว่าจะเริ่มในเดือนพ.ค.เป็นต้นไป โดยจะช่วยให้ภาคอสังหาริมทรัพย์ฟื้นฟูยอดขาย(pre-sales) และกำไร เทียบไตรมาสก่อนหน้าได้
โดย KKPS เลือก SPALI เป็น top-pick ให้คำแนะนำ ‘ซื้อ’ ที่ราคาเป้าหมาย 25.0 บาท และ AP แนะนำ ‘ถือ’ราคาเป้าหมาย 12.20 บาท ส่วน LH แนะนำ ‘ขาย’ ราคาเป้าหมาย 7.40 บาท และบริษัท ควอลิตี้เฮ้าส์ จำกัด (มหาชน) หรือ QH แนะนำขายราคาเป้าหมาย 2.20 บาท