“ดาวโจนส์” ปิดพุ่ง 332 จุด หลัง “เฟด” ส่งสัญญาณตรึงดอกเบี้ย

“ดาวโจนส์” ปิดพุ่ง 332 จุด รับข่าว “เฟด” ไม่มีแนวโน้มปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมครั้งถัดไป วันที่ 11-12 มิ.ย. 67 หลังตัวเลขเงินเฟ้อที่แข็งแกร่งเป็นปัจจัยหนุน


ผู้สื่อข่าวรายงานว่าวันนี้ (3 พ.ค.67) ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นในวันพฤหัสบดี (2 พ.ค.67) โดยตลาดยังคงได้แรงหนุนจากการที่ นายเจอโรม พาวเวล ประธาน ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ส่งสัญญาณว่าเฟดจะไม่ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมครั้งหน้า นอกจากนี้การชะลอตัวของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐยังเป็นอีกปัจจัยที่ช่วยหนุนตลาด

ทั้งนี้ ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 38,225.66 จุด เพิ่มขึ้น 322.37 จุด หรือ เพิ่มขึ้น 0.85%, ดัชนี S&P500 ปิดที่ 5,064.20 จุด เพิ่มขึ้น 45.81 จุด หรือ เพิ่มขึ้น 0.91% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 15,840.96 จุด เพิ่มขึ้น 235.48 จุด หรือ เพิ่มขึ้น 1.51%

ด้านนายพาวเวล กล่าวว่า ภายหลังเสร็จสิ้นการประชุมนโยบายการเงินของเฟดเมื่อวันพุธที่ผ่านมาว่า ซึ่งไม่มีแนวโน้มที่จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมครั้งต่อไปซึ่งจะมีขึ้นในวันที่ 11-12 มิ.ย.67 อย่างไรก็ดี ตัวเลขเงินเฟ้อที่แข็งแกร่งของสหรัฐอาจทำให้เฟดยังไม่พิจารณาปรับลดอัตราดอกเบี้ยในระยะเวลาอันใกล้นี้

นอกจากนี้ ยังมีมุมมองเชิงบวกต่อเศรษฐกิจสหรัฐ โดยไม่คิดว่าสหรัฐจะเผชิญภาวะเศรษฐกิจชะลอตัวแต่เงินเฟ้อสูงขึ้น (Stagflation) แม้ว่าก่อนหน้านี้นักลงทุนพากันวิตกกังวลเกี่ยวกับภาวะ Stagflation หลังสหรัฐเปิดเผยตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ไตรมาส 1/2567 ที่ขยายตัวต่ำสุดในรอบเกือบ 2 ปี

ขณะที่ ดัชนีราคาการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคล (PCE) ที่สูงเกินคาดตลาดยังได้ปัจจัยบวกหลังจากองค์การเพื่อความร่วมมือทางเศรษฐกิจและการพัฒนา (OECD) ได้ปรับเพิ่มคาดการณ์การขยายตัวของเศรษฐกิจโลกในปี 2567 ขึ้นสู่ระดับ 3.10% จากตัวเลขคาดการณ์เดิมที่ระดับ 2.90% โดยระบุว่าการฟื้นตัวของเศรษฐกิจสหรัฐเป็นหนึ่งในปัจจัยที่ช่วยหนุนเศรษฐกิจโลก นอกจากนี้ OECD ได้ปรับเพิ่มคาดการณ์เศรษฐกิจสหรัฐในปี 2567 ขึ้นสู่ระดับ 2.60% จากระดับ 2.10%

นอกจากนี้ ตลาดยังได้แรงหนุนจากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 10 ปีที่ปรับตัวลงสู่ระดับ 4.58% และอัตราผลตอบแทนพันธบัตรอายุ 2 ปีปรับตัวลงสู่ระดับ 4.887%

ส่วนหุ้น 9 ใน 11 กลุ่มที่คำนวณในดัชนี S&P500 ปิดในแดนบวก นำโดยดัชนีหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีและกลุ่มสินค้าฟุ่มเฟือย พุ่งขึ้น 1.64% และ 1.58% ตามลำดับ ส่วนดัชนีหุ้นกลุ่มวัสดุและกลุ่มสุขภาพ ปรับตัวลง 0.51% และ 0.11% ตามลำดับ

หุ้นควอลคอมม์ ซึ่งเป็นผู้ผลิตชิพโทรศัพท์มือถือรายใหญ่ของโลก พุ่งขึ้น 9.70% หลังบริษัทเปิดเผยกำไรและรายได้ที่สูงเกินคาดในช่วงเดือนม.ค.-มี.ค. ซึ่งเป็นไตรมาส 2 ประจำปีงบการเงิน 2567 ของบริษัท

หุ้นโมเดอร์นา ทะยานขึ้น 12.60% หลังจากบริษัทเปิดเผยตัวเลขขาดทุนน้อยกว่าคาดในไตรมาส 1/2567 และรายได้สูงกว่าคาด โดยได้แรงหนุนจากมาตรการปรับลดค่าใช้จ่ายของบริษัท รวมทั้งยอดขายวัคซีนโควิด-19 ที่สูงกว่าคาด

หุ้นแอปเปิ้ล พุ่งขึ้น 2.20% ก่อนที่บริษัทจะเปิดเผยผลประกอบการหลังจากตลาดปิดทำการซื้อขาย

โดยข้อมูลจาก แอลเอสอีจี (LSEG) ระบุว่า ขณะนี้มีบริษัท 373 แห่งในดัชนี S&P500 ที่ได้รายงานผลประกอบการแล้ว โดย 77% ของบริษัทเหล่านี้มีผลประกอบการที่สูงเกินคาด

สำหรับข้อมูลเศรษฐกิจที่มีการรายงานเมื่อคืนนี้ กระทรวงแรงงานสหรัฐ เปิดเผยว่า ตัวเลขผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกอยู่ที่ระดับ 208,000 รายในสัปดาห์ที่แล้ว ไม่เปลี่ยนแปลงจากสัปดาห์ก่อนหน้านี้ แต่ต่ำกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่ระดับ 212,000 ราย

ขณะที่ กระทรวงพาณิชย์สหรัฐ เปิดเผยว่า คำสั่งซื้อภาคโรงงานของสหรัฐเพิ่มขึ้น 1.60% ในเดือนมี.ค.67 เมื่อเทียบรายเดือนสอดคล้องกับตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ หลังจากเพิ่มขึ้น 1.20% ในเดือนก.พ.67

นอกจากนี้ นักลงทุนจับตาการเปิดเผยตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรเดือนเม.ย.ของสหรัฐในวันนี้ ขณะที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรของสหรัฐจะเพิ่มขึ้นเพียง 243,000 ตำแหน่งในเดือนเม.ย. ซึ่งชะลอตัวลงหลังจากที่เพิ่มขึ้น 303,000 ตำแหน่งในเดือนมี.ค.67 และคาดว่าอัตราว่างงานจะทรงตัวที่ระดับ 3.80% ในเดือนเม.ย.67

Back to top button