เปิดโผ 10 กองทุนหุ้นยุโรป ผลตอบแทน 3 ปี เกิน 5%
“มอร์นิ่งสตาร์” จัด 10 อันดับกองทุนหุ้นยุโรป ให้ผลตอบแทนสูงสุดย้อนหลัง 3 ปี เกิน 5% ฟาก K-EUX สูงสุด 9.47% ต่อปี ขณะที่ผลตอบแทนสะสมตั้งแต่ต้นปีถึงปัจจุบัน 9.19%
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ปัจจุบันภาพรวมตลาดหุ้นไทยยังมีความผันผวน ดังนั้นการลงทุนในกองทุนจึงเป็นอีกทางเลือกเสมอมา โดยเฉพาะกองทุนหุ้นยุโรปที่ให้ผลตอบแทนสูง ตามข้อมูลจากเว็บไซต์ Morningstar Thailand (มอร์นิ่งสตาร์) ได้จัดรวบรวม 10 อันดับกองทุนหุ้นยุโรปที่ให้ผลตอบแทนย้อนหลัง 3 ปีสูงสุด (อ้างอิงข้อมูล ณ วันที่ 23 เม.ย. 67 ) ดังนี้
1.กองทุนเปิดเค ดัชนีหุ้นยุโรป (K-EUX) ให้ผลตอบแทนช่วง 3 ปี อยู่ที่ 9.47% ต่อปี และผลตอบแทนสะสมตั้งแต่ต้นปีจนถึงปัจจุบันอยู่ที่ 9.19% ส่วนนโยบายการลงทุน เน้นลงทุนในหน่วยลงทุนของกองทุนต่างๆ อาทิ iShares EURO STOXX50 UCITS ETF (DE) (EUR) (กองทุนหลัก) โดยป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนไม่น้อยกว่า 75% ของมูลค่าเงินลงทุนต่างประเทศ นโยบายกองทุน iShares EURO STOXX 50 UCITS ETF (DE) (EUR) (กองทุนหลัก)
ทั้งนี้ กองทุนหลักเป็นกองทุนอีทีเอฟที่จดทะเบียนซื้อขายในตลาดหุ้น XETRA ซึ่งมีนโยบายการลงทุนให้มีผลตอบแทนตามดัชนีหุ้นที่มีมูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาดมากที่สุด 50 ตัวแรก ในกลุ่มประเทศ Eurozone หรือดัชนี EURO STOXX50
2.กองทุนเปิดทหารไทย ยูโรเปี้ยน โกรท (TMBEG) ให้ผลตอบแทนช่วง 3 ปี อยู่ที่ 8.53% ต่อปี และผลตอบแทนสะสมตั้งแต่ต้นปีจนถึงปัจุบันอยู่ที่ 9.22% ส่วนนโยบายและกลยุทธ์การลงทุน เน้นลงทุนในกองทุน Wellington Strategic European Equity Fund ซึ่งกองทุนหลักมีนโยบายกระจายการลงทุนในตราสารทุน ของบริษัทที่จดทะเบียนในกลุ่มประเทศยุโรป ซึ่งบริหารจัดการโดย Wellington Management International Ltd. โดยมุ่งหวังให้ผลประกอบการเคลื่อนไหวตามกองทุนหลัก และกองทุนหลักมุ่งหวังให้ผลประกอบการเคลื่อนไหวสูงกว่าดัชนีชี้วัด
3.กองทุนเปิด ทิสโก้ ยุโรป อิควิตี้ ชนิดผู้ลงทุนทั่วไป (TISCOEU-A) ให้ผลตอบแทนช่วง 3 ปี อยู่ที่ 8.35% ต่อปี ขณะที่ผลตอบแทนสะสมตั้งแต่ต้นปีอยู่ที่ 9.78% ส่วนนโยบายและกลยุทธ์การลงทุน จะลงทุนในกองทุน iShares Core EURO STOXX50 UCITS ETF EUR (Dist) (กองทุนหลัก) ซึ่งมีนโยบายการลงทุนในตราสารทุน เพื่อสร้างผลตอบแทนให้ใกล้เคียงกับผลตอบแทนของดัชนี EURO STOXX50 โดยบริหารและจัดการโดย BlackRock Asset Management Ireland Limited
ทั้งนี้ มีการป้องกันความเสี่ยงด้านอัตราแลกเปลี่ยนตามดุลยพินิจของผู้จัดการกองทุน และมุ่งหวังให้ผลประกอบการเคลื่อนไหวตามกองทุนหลัก โดยกองทุนหลักใช้กลยุทธ์การลงทุนเพื่อมุ่งหวังให้ผลประกอบการเคลื่อนไหวตามดัชนีชี้วัด
4.กองทุนเปิด ยูโร ไฮดิวิเดนด์ (EHD) ให้ผลตอบแทนช่วง 3 ปี อยู่ที่ 7.93% ต่อปี ขณะที่ผลตอบแทนสะสมตั้งแต่ต้นปีจนถึงปัจจุบันอยู่ที่ 4.06% ส่วนนโยบายและกลยุทธ์การลงทุน จะลงทุนในกองทุน Goldman Sachs Eurozone Equity Income โดยกองทุนหลักจัดตั้งและบริหารจัดการโดยบริษัท Goldman Sachs Asset Management B.V. เพื่อมุ่งหวังให้ผลประกอบการเคลื่อนไหวตามกองทุนหลัก ทั้งนี้ กองทุนหลักใช้กลยุทธ์การบริหารกองทุนเชิงรุก (active management)
5.กองทุนเปิดทหารไทย ยูโรเปี้ยน โกรท เพื่อการเลี้ยงชีพ (TMBEGRMF) ให้ผลตอบแทนช่วง 3 ปี อยู่ที่ 7.91% ต่อปี ขณะที่ผลตอบแทนสะสมตั้งแต่ต้นปีจนถึงปัจจุบันอยู่ที่ 9.00% ส่วนนโยบายและกลยุทธ์การลงทุน เน้นลงทุนในกองทุน Wellington Strategic European Equity Fund กองทุนหลักลงทุนในตราสารทุน ของบริษัทที่จดทะเบียนในกลุ่มประเทศยุโรป ซึ่งบริหารรจัดการโดย Wellington Management International Ltd. และมุ่งหวังให้ผลประกอบการเคลื่อนไหวตามกองทุนหลัก โดยกองทุนหลักมุ่งหวังให้ผลประกอบการเคลื่อนไหวสูงกว่าดัชนีชี้วัด
6.กองทุนเปิด วรรณ ยูโรเปี้ยน อิควิตี (ONE-EUROEQ) ให้ผลตอบแทนช่วง 3 ปี อยู่ที่ 7.25% ต่อปี ขณะที่ผลตอบแทนสะสมตั้งแต่ต้นปีจนถึงปัจจุบันอยู่ที่ 5.67% ส่วนนโยบายและกลยุทธ์การลงทุน ในกองทุนที่มีนโยบายลงทุนในหน่วยลงทุนของกองทุน Eleva European Selection Fund Class I (EUR) acc (กองทุนหลัก) โดยเฉลี่ยในรอบปีบัญชีไม่น้อยกว่า 80% ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุน โดยกองทุนหลักมีนโยบายลงทุนในบริษัทที่พิจารณาแล้วเห็นว่ามีแนวโน้มการเติบโต ในระดับที่น่าสนใจในช่วงระยะเวลา 3 ถึง 5 ปี และการเติบโตดังกล่าวไม่สะท้อนในราคาซื้อขายหุ้นของบริษัทนั้น
ทั้งนี้ กองทุนนี้อาจพิจารณาลงทุนในหรือมีไว้ซึ่งสัญญาซื้อขายล่วงหน้า (Derivatives) เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการบริหารการลงทุน (Efficient Portfolio M anagem ent) และเพื่อป้องกันความเสี่ยง (Hedging) จากอัตราแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ ณ ขณะใดขณะหนึ่ง ไม่น้อยกว่า 80% ของมูลค่าทรัพย์สินที่ลงทุนในต่างประเทศ นอกจากนี้กองทุนหลักมีกลยุทธ์การลงทุนเพื่อมุ่งหวังให้ผลประกอบการสูงกว่าดัชนีชี้วัด (active management) ส่วนกองทุนนี้มุ่งหวังให้ผลประกอบการเคลื่อนไหวตามกองทุนหลัก (passive management)
7.กองทุนเปิดไทยพาณิชย์หุ้นยุโรป (ชนิดช่องทางอิเล็กทรอนิกส์) (SCBEUEQE) ให้ผลตอบแทนช่วง 3 ปี อยู่ที่ 6.76% ต่อปี ขณะที่ผลตอบแทนสะสมตั้งแต่ต้นปีจนถึงปัจจุบันอยู่ที่ 4.68% ส่วนนโยบายและกลยุทธ์การลงทุน เน้นลงทุนในหน่วยลงทุนของกองทุนรวมต่างประเทศเพียงกองทุนเดียว (Feeder Fund) ได้แก่ iShares STOXX Europe 600 (DE) (กองทุนหลัก) ซึ่งเป็นกองทุนประเภท Exchange Traded Fund ( ETF) ที่ซื้อขายบนตลาดหลักทรัพย์อิเล็กโทรนิค (Exchange Electronic Trading (Xetra)) โดยจัดตั้งขึ้นภายใต้กฎหมายของประเทศเยอรมันนี (Germany) และอยู่ภายใต้ UCITS บริหารงานภายใต้ความดูแลของ BlackRock Asset Management Deutschland AG และลงทุนในสกุลเงินยูโร
โดยมีนโยบายลงทุนในหุ้นที่อยู่ในดัชนี STOXX Europe 600 เพื่อให้ผลการดำเนินงานของกองทุนใกล้เคียงกับผลตอบแทนของดัชนี STOXX Europe 600 ดังกล่าว โดยกองทุนมี net exposure ในหน่วยลงทุนของกองทุนรวมต่างประเทศดังกล่าวโดยเฉลี่ยในรอบปีบัญชีไม่น้อยกว่า 80% ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุน และมีการลงทุนที่ส่งผลให้มี net exposure ที่เกี่ยวข้องกับความเสี่ยงต่างประเทศโดยเฉลี่ยในรอบปีบัญชีไม่น้อยกว่า 80% ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุน
ทั้งนี้ กองทุนจะลงทุนหรือมีไว้ในสัญญาซื้อขายล่วงหน้า (Derivatives) เพื่อป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนของหลักทรัพย์หรือทรัพย์สินในสกุลเงินต่างประเทศที่กองทุนถืออยู่เทียบกับสกุลเงินบาท ณ ขณะใดขณะหนึ่ง ไม่น้อยกว่า 90% ของมูลค่าทรัพย์สินที่ลงทุนในต่างประเทศ
8.กองทุนเปิด ทิสโก้ ยุโรป อิควิตี้ เพื่อการเลี้ยงชีพ ชนิดผู้ลงทุนทั่วไป (TEURMF-A) ให้ผลตอบแทนช่วง 3 ปี อยู่ที่ 6.30% ต่อปี ขณะที่ผลตอบแทนสะสมตั้งแต่ต้นปีจนถึงปัจจุบันอยู่ที่ 5.96% ส่วนนโยบายและกลยุทธ์การลงทุน จะลงทุนในกองทุน iShares STOXX Europe 600 UCITS ETF (DE) (กองทุนหลัก) ซึ่งมีวัตถุประสงค์เพื่อสร้างผลตอบแทนให้ใกล้เคียงกับผลตอบแทนของดัชนี STOXX Europe 600 ซึ่งบริหารและจัดการโดย BlackRock Asset Management Deutschland AG
นอกจากนี้ยังมีการป้องกันความเสี่ยงด้านอัตราแลกเปลี่ยนตามดุลยพินิจของผู้จัดการกองทุน และมุ่งหวังให้ผลประกอบการเคลื่อนไหวตามกองทุนหลัก โดยกองทุนหลักใช้กลยุทธ์การลงทุนเพื่อมุ่งหวังให้ผลประกอบการเคลื่อนไหวตามดัชนีชี้วัด
9.กองทุนเปิดไทยพาณิชย์ หุ้นยุโรป เพื่อการเลี้ยงชีพ (SCBRMEU) โดยผลตอบแทนช่วง 3 ปี อยู่ที่ 5.99% ต่อปี ขณะที่ผลตอบแทนสะสมตั้งแต่ต้นปีจนถึงปัจจุบันอยู่ที่ 4.47% ส่วนนโยบายและกลยุทธ์การลงทุน เน้นลงทุนในหน่วยลงทุนของกองทุนรวมต่างประเทศเพียงกองทุนเดียว (Feeder Fund) ได้แก่ iShares STOXX Europe 600 UCITS ETF (DE) (กองทุนหลัก) เป็นกองทุน ETF ลงทุนในสกุลเงินยูโร โดยกองทุนหลักลงทุนในหุ้นที่เป็นส่วนประกอบของดัชนี STOXX Europe 600 เพื่อให้ผลการดำเนินงานของกองทุนใกล้เคียงกับผลตอบแทนของดัชนีดังกล่าว
ทั้งนี้ มีการบริหารจัดการกองทุนหลักโดย บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน BlackRock Asset Management Deutschland AG และกองทุนอาจลงทุนในสัญญาชื่อขายถ่วงหน้า (Derivatives) เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการบุริหารการลงทุน (Elicient portflio management) หรือการบริหารความเสี่ยง โดยป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนของหลักทรัพย์ หรือทรัพย์สิ้นในสกุลเงินต่างประเทศที่กองทุนถืออยู่เทียบกับสกุลเงินบาท ณ ขณะใดขณะหนึ่งไม่น้อยกว่า 90% ของมูลค่าทรัพย์สิ้นที่ลงทุนในต่างประเทศ และมีกลยุทธ์ในการบริหารกองทุนรวม โดยกองทุนไทยมุ่งหวังให้ผลประกอบการเคลื่อนไหวตามกองทุนหลัก ส่วนกองทุนหลักมุ่งหวังให้ผลประกอบการเคลื่อนไหวตามดัชนีชี้วัด (Passive Management)
10.กองทุนเปิดไทยพาณิชย์หุ้นยุโรป (ชนิดจ่ายเงินปันผล) (SCBEUEQ) โดยผลตอบแทนช่วง 3 ปี อยู่ที่ 5.66% ขณะที่ผลตอบแทนสะสมตั้งแต่ต้นปีจนถึงปัจจุบันอยู่ที่ 4.36% ส่วนนโยบายและกลยุทธ์การลงทุน เน้นลงทุนในหน่วยลงทุนของกองทุนรวมต่างประเทศเพียงกองทุนเดียว (Feeder Fund) ได้แก่ iShares STOXX Europe 600 (DE) (กองทุนหลัก) ซึ่งเป็นกองทุนประเภท Exchange Traded Fund ( ETF) ที่ซื้อขายบนตลาดหลักทรัพย์อิเล็กโทรนิค (Exchange Electronic Trading (Xetra)) ซึ่งจัดตั้งขึ้นภายใต้กฎหมายของประเทศเยอรมันนี (Germany)
โดยอยู่ภายใต้ UCITS บริหารงานภายใต้ความดูแลของ BlackRock Asset Management Deutschland AG และลงทุนในสกุลเงินยูโร ทั้งนี้ มีนโยบายลงทุนในหุ้นที่เป็นส่วนประกอบของดัชนี STOXX Europe 600 เพื่อให้ผลการดำเนินงานของกองทุนใกล้เคียงกับผลตอบแทนของดัชนี STOXX Europe 600 ดังกล่าว
ทั้งนี้ กองทุนมี net exposure ในหน่วยลงทุนของกองทุนรวมต่างประเทศดังกล่าว โดยเฉลี่ยในรอบปีบัญชีไม่น้อยกว่า 80% ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุน และมีการลงทุนที่ส่งผลให้มี net exposure ที่เกี่ยวข้องกับความเสี่ยงต่างประเทศโดยเฉลี่ยในรอบปีบัญชีไม่น้อยกว่า 80% ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุน โดยกองทุนจะลงทุนหรือมีไว้ในสัญญาซื้อขายล่วงหน้า (Derivatives) เพื่อป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนของหลักทรัพย์ หรือทรัพย์สินในสกุลเงินต่างประเทศที่กองทุนถืออยู่เทียบกับสกุลเงินบาท ณ ขณะใดขณะหนึ่ง ไม่น้อยกว่าร้อยละ 90 ของมูลค่าทรัพย์สินที่ลงทุนในต่างประเทศ