CPAXT กวาดกำไร Q1 แตะ 2.5 พันล้าน โต 15% ลุยขยายสาขาใหม่-เพิ่มช่องทางขาย

CPAXT โชว์กำไรไตรมาส 1/67 แตะ 2.5 พันล้านบาท โต 15% กวาดรายได้รวม 1.27 แสนล้านบาท เดินหน้าขยายสาขาใหม่-เพิ่มช่องทางขาย พร้อมตั้งเป้าเพิ่มสัดส่วนรายได้ Omni Channel แตะ 17%


บริษัท ซีพี แอ็กซ์ตร้า จำกัด (มหาชน) หรือ CPAXT รายงานผลการดำเนินงานงวดไตรมาส 1 สิ้นสุดวันที่ 31 มี.ค.67 มีกำไรสุทธิ ดังนี้

นายธานินทร์ บูรณมานิต ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร CPAXT เปิดเผยว่า ผลการดำเนินงานของบริษัทฯ ในช่วงไตรมาส 1 ปี 2567 (เดือนมกราคม-มีนาคม) เติบโตแข็งแกร่งต่อเนื่อง โดยมียอดรายได้รวม 127,020 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 6% และมีกำไรสุทธิ 2,481 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 15% เมื่อเทียบจากช่วงเดียวกันของปีก่อน (YoY) ซึ่งผลมาจากการเติบโตของยอดขายภายในสาขาเดิม

โดยเฉพาะจากการขายออนไลน์และการขายนอกร้านพร้อมการส่งสินค้าถึงลูกค้า (“Omni Channel”) และการขยายสาขาใหม่ที่เป็นไปตามแผนงานที่วางไว้ และผลประกอบการที่แข็งแกร่งของทั้งธุรกิจค้าส่งและค้าปลีก รวมทั้งต้นทุนทางการเงินที่ลดลง ส่งผลให้กำไรสุทธิเติบโตอย่างโดดเด่น”

ทั้งนี้ บริษัทฯ ตั้งเป้าสร้างการเติบโตของรายได้ปี 2567 อย่างต่อเนื่อง โดยมุ่งขับเคลื่อนการเติบโตผ่านทุกช่องทางจำหน่าย

ยอดขาย Omni Channel มุ่งเพิ่มสัดส่วนเป็นอย่างน้อยร้อยละ 17 ของยอดขายรวมในปีนี้ โดยเน้นเพิ่มความหลากหลายของสินค้า พัฒนาบริการ และการขยายพื้นที่ให้บริการ รวมถึงใช้จุดแข็งด้านเครือข่ายของทั้งธุรกิจค้าส่งและค้าปลีกรวมกว่า 2,600 สาขาทั่วประเทศ เป็นจุดกระจายและจัดส่งสินค้า พร้อมกับการพัฒนาทีมนักขายนอกร้าน เพื่อให้บริการแก่กลุ่มลูกค้าผู้ประกอบการได้อย่างครบวงจร

การขยายสาขาใหม่ และปรับโฉมสาขาทั้งในและต่างประเทศ ควบคู่กับการพัฒนาพื้นที่ในห้างค้าส่งและค้าปลีกให้เป็นศูนย์กลางชุมชน รวมการใช้ชีวิตแบบสมาร์ทของคนทุกวัย สอดคล้องกับความต้องการของกลุ่มลูกค้าในแต่ละท้องถิ่น

การผนึกจุดแข็งด้านอาหารสดของบริษัทฯ และบริษัทย่อย โดยเน้นการพัฒนาสินค้ากลุ่มอาหารพร้อมปรุง และอาหารพร้อมทาน รวมทั้งสร้างความแตกต่าง และเพิ่มกำไรด้วยการขยายสัดส่วนยอดขายสินค้าภายใต้แบรนด์ของบริษัทฯ (Private Label)

“บริษัทฯ มุ่งขับเคลื่อนธุรกิจสู่องค์กรที่มีความยั่งยืนระดับโลก พร้อมสร้างการเปลี่ยนแปลงเชิงบวก ทั้งด้านเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม สะท้อนการบริหารจัดการที่มีประสิทธิภาพ สำหรับความคืบหน้าของการปรับโครงสร้างธุรกิจในกลุ่มบริษัทฯ หลังจากได้รับมติอนุมัติจากผู้ถือหุ้นแล้ว คาดว่าธุรกรรมทั้งหมดจะแล้วเสร็จภายในไตรมาส 4 ปี 2567 โดยการควบบริษัทครั้งนี้ ตั้งเป้าสร้างยอดขายและอัตรากำไรที่ดีขึ้น รวมถึงต้นทุนทางการเงินที่ลดลง เพื่อสร้างผลตอบแทนที่ดีสม่ำเสมอแก่ผู้ถือหุ้น พร้อมสร้างคุณค่าให้กับผู้มีส่วนได้เสียทุกภาคส่วน” นายธานินทร์ กล่าวปิดท้าย

Back to top button