ส่อง 7 หุ้น “ท่องเที่ยว-โรงพยาบาล” รับบาทอ่อนค่า-เศรษฐกิจฟื้น
KKPS มองแนวโน้ม SET ฟื้นตัว รับเงินบาทอ่อนค่าจนถึงสิ้นปีนี้ ซึ่งเป็นปัจจัยหนุนส่งออก-ลงทุนต่างประเทศ แนะนำ “ซื้อ” หุ้นกลุ่มท่องเที่ยว-โรงพยาบาล ได้แก่ AWC, BDMS, BH, CENTEL, CHG, ERW, MINT
บริษัทหลักทรัพย์ เกียรตินาคินภัทร จำกัด (มหาชน) หรือ KKPS รายงานบทวิเคราะห์เกี่ยวกับผลกระทบของเงินบาทอ่อนค่าที่มีต่อตลาดทุนไทย ระบุว่า นับตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมาจนถึงปัจจุบัน ค่าเงินบาทถือว่าอ่อนแอที่สุดในกลุ่มค่าเงินของภูมิภาคเอเชีย (ยกเว้นเงินเยนญี่ปุ่น) และอาจอ่อนค่าลงต่อไปอีกตามการวิเคราะห์ของธนาคารแห่งอเมริกา (BofA)
โดยมีมุมมองว่า ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐจะเป็นปัจจัยหลักในการเคลื่อนไหวของค่าเงินบาทในปีนี้ ซึ่งหากนับจากการเคลื่อนไหวในอดีตที่หากค่าเงินดอลลาร์สหรัฐอ่อนแอลงจะส่งผลให้เงินบาทแข็งค่าขึ้น
อย่างไรก็ตาม ฝ่ายนักวิเคราะห์ยังคงมองว่าเงินดอลลาร์สหรัฐจะยังคงแข็งค่าต่อไป และส่งผลกระทบให้เงินบาทอ่อนค่าลงไปจนถึงปลายปีนี้ พร้อมกับประเมินว่าธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) มีแนวโน้มปรับลดอัตราดอกเบี้ยลง
ทั้งนี้ สถานการณ์ดังกล่าวอาจส่งผลกระทบต่อตลาดทุนไทยน้อยกว่าที่คาดการณ์ไว้ แม้ตลาดหุ้นที่เกิดใหม่หลายแห่งจะได้รับแรงกดดันเมื่อดัชนีดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าขึ้น แต่ฝ่ายวิเคราะห์มองว่าตลาดทุนไทยจะไม่ได้รับผลกระทบอย่างมีนัยสำคัญ อีกทั้งตลาดทุนไทยมักจะปรับตัวขึ้นได้ดีกว่าตลาดทุนอื่นๆ ในอาเซียนระหว่างที่เงินบาทอ่อนค่าลง
ขณะเดียวกัน ประเทศไทยถือเป็นประเทศที่ใช้ปัจจัยภายนอกประเทศในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ ซึ่งเงินบาทที่อ่อนค่าจะช่วยส่งเสริมให้เกิดการแข่งขันระหว่างผู้ส่งออกมากขึ้น และส่งเสริมการท่องเที่ยวของประเทศ ส่งผลให้บริษัทจดทะเบียนในตลาดหุ้นไทยมักได้รับผลบวกในการส่งออก การลงทุนในต่างประเทศ หรือได้รับรายได้ที่รับเข้ามาเป็นเงินดอลลาร์สหรัฐ
นอกจากนี้ ประเทศไทยยังมีหนี้ต่างประเทศที่ไม่ได้รับการป้องกันความเสี่ยงเพียงเล็กน้อยและมีสถานะการลงทุนสุทธิระหว่างประเทศที่เป็นบวก
สำหรับกลยุทธ์การลงทุน ฝ่ายวิเคราะห์มองว่าหุ้นกลุ่มท่องเที่ยว, หุ้นกลุ่มสุขภาพ และหุ้นกลุ่มอิเล็กทรอนิกส์สามารถทำผลงานได้ดีเมื่อเงินบาทอ่อนค่า ขณะที่หุ้นกลุ่มพาณิชย์มักทำผลงานได้สวนทาง โดยให้คำแนะนำ “ซื้อ” หุ้นของ บริษัท แอสเสท เวิรด์ คอร์ป จำกัด (มหาชน) หรือ AWC , บริษัท กรุงเทพดุสิตเวชการ จำกัด(มหาชน) หรือ BDMS, บริษัท โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ จำกัด (มหาชน) หรือ BH
บริษัท โรงแรมเซ็นทรัลพลาซา จำกัด (มหาชน) หรือ CENTEL, บริษัท โรงพยาบาลจุฬารัตน์ จำกัด (มหาชน) หรือ CHG, บริษัท ดิ เอราวัณ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ ERW, และ บริษัท ไมเนอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) หรือ MINT รวมถึงประเมินว่าตลาดหุ้นไทยจะมีแนวโน้มดีขึ้นในไตรมาส 3/2567 ก่อนได้รับปัจจัยบวกเพิ่มจากมาตรการกระตุ้นทางการคลังในไตรมาส 4/2567 จนถึงไตรมาส 1/2568