IVL กวาดกำไร Q1 แตะ 1.1 พันล้าน โต 11% รับยอดขายเพิ่ม-ต้นทุนลด

IVL กวาดกำไรไตรมาส 1/67 แตะ 1.1 พันล้านบาท โต 11% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนอยู่ที่ 1 พันล้านบาท รับปริมาณขายเพิ่ม-ต้นทุนลด ลุยกลยุทธ์ IVL 2.0 กางแผนส่งธุรกิจบรรจุภัณฑ์-สารลดแรงตึงผิวเข้าเทรดตลาดหลักทรัพย์ฯ


บริษัท อินโดรามา เวนเจอร์ส จำกัด (มหาชน) หรือ IVL ผู้ผลิตเคมีภัณฑ์ชั้นนำระดับโลกที่ดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืน รายงานผลการดำเนินงานประจำไตรมาสที่ปรับตัวดีขึ้นจากแนวโน้มการระบายสต็อกสินค้าที่ยืดเยื้อเริ่มส่งสัญญาณผ่อนคลายลงอีก โดยในระหว่างไตรมาส บริษัทฯ ได้ดำเนินกลยุทธ์ใหม่ IVL 2.0 เพื่อเสริมสร้างคุณภาพของรายได้ และพลิกโฉมธุรกิจของบริษัทฯ ให้แข็งแกร่งยิ่งขึ้นจากภาวะชะลอตัวในตลาดเคมีภัณฑ์ทั่วโลก

โดยบริษัทฯ รายงาน Adjusted EBITDA  เท่ากับ 366 ล้านเหรียญสหรัฐในไตรมาสที่ 1 ปี 2567 เพิ่มขึ้นร้อยละ 32 เมื่อเทียบไตรมาสต่อไตรมาส และลดลงร้อยละ 2 เมื่อเทียบปีต่อปี ทั้งนี้ ปริมาณขายเพิ่มขึ้นร้อยละ 3 เมื่อเทียบไตรมาสต่อไตรมาส เนื่องจากการระบายสต๊อกสินค้าของลูกค้าที่เกิดขึ้นในวงกว้าง ที่ทำให้อุปสงค์ลดลงตลอดปี 2566 แสดงสัญญาณของการค่อยๆ ฟื้นตัวในทุกอุตสาหกรรม ซึ่งชดเชยผลกระทบบางส่วนที่เกิดจากฤดูหนาวที่หนาวจัดในสหรัฐอเมริกา ส่งผลให้กำไรสุทธิส่วนที่เป็นของผู้ถือหุ้นของบริษัทใหญ่ในไตรมาส 1/67 อยู่ที่ 1,133 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 10.71% จากปีก่อนอยู่ที่ 1,023.40 ล้านบาท

โดยผลการดำเนินงานได้รับการสนับสนุนจากต้นทุนด้านสาธารณูปโภคที่ลดลงในยุโรป การชะงักงันของห่วงโซ่อุปทานที่เกี่ยวข้องกับสถานการณ์ความขัดแย้งที่เกิดขึ้นในทะเลแดง ซึ่งทำให้ราคาสินค้านำเข้าในตลาดแพงขึ้น เอื้อประโยชน์ต่ออัตรากำไรของบริษัทฯ ตลอดจนองค์ประกอบทางเศรษฐกิจที่ดีของ shale gas ซึ่งช่วยเสริมความสามารถในการทำกำไรในสหรัฐอเมริกา

ทั้งนี้ คาดการณ์ว่าการฟื้นตัวของปริมาณขายจะดำเนินไปอย่างต่อเนื่องตลอดปี 2567 ถึงแม้ว่าการระบายสต๊อกสินค้าจะฟื้นตัวอย่างค่อยเป็นค่อยไปถึงจะเข้าสู่ภาวะปกติ และฤดูร้อนของฝั่งตะวันตกที่กำลังมาเยือนจะช่วยเพิ่มอุปสงค์ อย่างไรก็ตาม ภาพรวมของอุตสาหกรรมเคมีภัณฑ์ทั่วโลกยังคงมีความท้าทาย เนื่องจากการสร้างกำลังการผลิตส่วนเกิน รวมถึงอัตราเงินเฟ้อที่ยังทรงตัวและอัตราดอกเบี้ยที่สูง ซึ่งล้วนแต่ส่งผลต่ออัตรากำไรของอุตสาหกรรม และยังคงบั่นทอนความสามารถในการทำกำไรของห่วงโซ่คุณค่าโพลีเอสเตอร์ กลุ่มธุรกิจที่มีมูลค่าเพิ่มสูง (HVA) อย่าง Indovinya ของเรากำลังดำเนินด้วยดีเข้าสู่ไตรมาสที่ 2/67 หลังจากที่การระบายสต็อกสินค้าผ่อนคลายลงและคาดการณ์ว่าจะมีสถานการณ์ที่ดีในปี 2567

ขณะเดียวกัน ฝ่ายบริหารที่มีประสบการณ์ของบริษัทฯ ยังคงให้ความสำคัญอย่างมากกับการจัดการต้นทุน การเพิ่มศักยภาพทางการแข่งขัน และการรักษาสภาพคล่องสูง ทั้งนี้ ฐานการผลิตทั่วโลกของบริษัท ที่เป็นข้อได้เปรียบที่สำคัญในสภาพแวดล้อมที่มีอัตรากำไรไม่มาก จะช่วยให้ธุรกิจของบริษัทฯ สามารถรักษาข้อได้เปรียบทางการตลาดที่แข็งแกร่ง ซึ่งได้รับแรงสนับสนุนจากมาตรการป้องกันอุปสรรคทั้งทางการค้าและไม่ใช่ทางการค้า

ทั้งนี้ ในไตรมาสที่ 1 บริษัทฯ มีความคืบหน้าจากการดำเนินกลยุทธ์ IVL 2.0 ที่กำหนดไว้สำหรับระยะเวลา 3 ปี เพื่อยกระดับตำแหน่งผู้นำระดับโลก และสร้างยุคใหม่ของโอกาส ท่ามกลางการเปลี่ยนแปลงเชิงโครงสร้างที่สำคัญในตลาดเคมีภัณฑ์ ภายใต้กลยุทธ์ใหม่ที่บริษัทฯ ได้ประกาศในงาน Capital Markets Day ประจำปีเมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมา

นอกจากนี้ บริษัทฯ ก็กำลังเพิ่มประสิทธิภาพสินทรัพย์ ลดภาระหนี้สิน และให้ความสำคัญกับการสร้างกระแสเงินสดอิสระ เพื่อสร้างผลตอบแทนที่เพิ่มขึ้นให้กับผู้ถือหุ้น ปัจจุบัน รายได้ร้อยละ 70 ของบริษัทฯ ใช้ระบบ SAP S/4HANA สำหรับการจัดการทรัพยากรทั่วทั้งองค์กร และใช้โครงการพื้นฐานเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพของการจัดซื้อจัดจ้างระบบดิจิทัล (digital procurement) ความเป็นเลิศทางการขาย (sales excellence) และการบูรณาการห่วงโซ่อุปทานทั่วทั้งธุรกิจ โดยเชื่อว่าเครื่องมือ AI เหล่านี้จะช่วยพัฒนาประสิทธิผลและและต้นทุนให้ดีขึ้น อีกทั้งสร้างเงินทุนหมุนเวียนสอดคล้องกับกลยุทธ์ใหม่

ด้านนายอาลก โลเฮีย ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่ม IVL เปิดเผยว่า ไตรมาสแรกของปี 2567 นับเป็นยุคใหม่ของบริษัท เนื่องจากเล็งเห็นอุปสงค์ที่ฟื้นตัวขึ้นเล็กน้อย และเริ่มดำเนินการตามกลยุทธ์ IVL 2.0 ของเราด้วยความแข็งแกร่งที่ได้รับการกระตุ้นขึ้นมาใหม่จากการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญของกลยุทธ์ทางธุรกิจ

โดยภายหลังจากการไตร่ตรองมาอย่างดีในปี 2566 บริษัทได้รับแรงหนุนที่ดีจากการระบายสต๊อกสินค้าที่ปรับตัวดีขึ้นอย่างค่อยเป็นค่อยไปในไตรมาสที่ 1 แต่เราไม่ได้มองข้ามความท้าทายที่ยังคงเกิดขึ้นอุตสาหกรรม เรายังคงมุ่งเน้นการจัดการต้นทุนและการเพิ่มศักยภาพทางการแข่งขันอย่างต่อเนื่อง ในขณะที่เราดำเนินการขั้นต้นในการนำกลยุทธ์ใหม่ของเราไปปรับใช้ ผมหวังว่าการมองโลกในแง่ดีด้วยความระมัดระวังของเราจะค่อยๆ เห็นผลลัพธ์ที่ดีตลอดปี 2567 ด้วยเราได้เห็นปริมาณการซื้อขายฟื้นตัวขึ้น

ส่วนหนึ่งของกลยุทธ์ IVL 2.0 บริษัทฯ นอกจากการเพิ่มประสิทธิภาพโรงงาน 7 แห่ง และการประเมินผลการดำเนินงานของโรงงาน PTA/PET ในประเทศเนเธอร์แลนด์ที่กำลังเกิดขึ้นแล้ว เรายังมีความก้าวหน้าที่สำคัญในแผนรีไฟแนนซ์หนี้สินจำนวน 1.1 พันล้านเหรียญสหรัฐภายในครึ่งแรกของปี 2567 เพื่อให้มั่นใจว่ามีสภาพคล่องเพียงพอ ทั้งนี้ การระดมทุนเมื่อเร็วๆ นี้ อาทิ Ninja loan มูลค่า 255 ล้านเหรียญสหรัฐ  หุ้นกู้มูลค่า 1 หมื่นล้านบาท Bilateral loan มูลค่า 100 ล้านเหรียญสหรัฐ และความสำเร็จในการทำสัญญาสินเชื่อ Syndicated loan มูลค่า 500 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ในสัปดาห์นี้ โดยธุรกรรมทั้งหมดดังกล่าวได้รับอัตราดอกเบี้ยเฉลี่ยที่มีส่วนต่างน้อยกว่ารายการลักษณะเดียวกันของในครั้งก่อน

“เพื่อเพิ่มศักยภาพการเติบโต อินโดรามา เวนเจอร์ส กำลังเตรียมนำกลุ่มธุรกิจบรรจุภัณฑ์และสารลดแรงตึงผิวเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ หรือ IPO (Initial Public Offering) และตั้งแต่ไตรมาส 1 ปี 2567 เป็นต้นไป กลุ่มธุรกิจ Indovinya (เดิมชื่อ Integrated Oxides and Derivatives หรือ IOD) จะมุ่งเน้นพัฒนาการดำเนินงานสำหรับสารลดแรงตึงผิวขั้นปลายน้ำในฐานะหนึ่งกลุ่มธุรกิจหลัก ส่วนธุรกิจเคมีภัณฑ์ขั้นกลางน้ำ ซึ่งประกอบด้วยฐานการผลิตเอทิลีนแบบบูรณาการที่ตั้งต้นจาก shale gas รวมทั้ง MEG MTBE และ EO บริสุทธิ์ ได้โยกย้ายไปอยู่ภายใต้กลุ่มธุรกิจ Combined PET (CPET) เพื่อให้เหมาะสมกับลักษณะการประกอบธุรกิจ” นายอาลก กล่าวทิ้งท้าย

Back to top button