SM เปิด 5 กลยุทธ์ผลักดัน “พอร์ตสินเชื่อ” ปี 67 “ออลไทม์ไฮ”

SM ตั้งเป้าพอร์ตสินเชื่อปีนี้เติบโต “ออลไทม์ไฮ” หลังปัจจุบันอยู่ที่ 2,700 ล้านบาท รุกหนักเช่าซื้อเครื่องใช้ไฟฟ้าและเช่าซื้อโทรศัพท์มือถือ เน้นธุรกิจในพื้นที่เขตภาคตะวันออก (EEC) และภาคตะวันออกเฉียงเหนือ พร้อมชู 5 กลยุทธ์ขับเคลื่อนการเติบโตตามแผน หวังยอดขายสินค้าและสินเชื่อใหม่เติบโตไม่ต่ำกว่า 10% จากปีก่อน


นายชูศักดิ์ วิวัฒน์วงศ์เกษม กรรมการผู้จัดการ บริษัท สตาร์ มันนี่ จำกัด (มหาชน) หรือ SM เปิดเผยว่าแนวโน้มผลประกอบการไตรมาส 1/2567 คาดออกมาดี ตามธุรกิจเช่าซื้อสินค้าเครื่องใช้ไฟฟ้าทั้งในรูปแบบขายเงินสดและเงินผ่อน รวมทั้งการให้บริการปล่อยสินเชื่อประเภทต่างๆเติบโตแข็งแกร่ง

ส่วนแนวโน้มภาพรวมของธุรกิจในปี 2567 คาดว่าธุรกิจในครึ่งปีหลังจะเติบโตโดดเด่นกว่าครึ่งปีแรก เนื่องจากงบประมาณภาครัฐจะเริ่มออกมาในช่วงตั้งแต่ไตรมาส 2 เป็นต้นไป ซึ่งคาดว่าจะมีเม็ดเงินหมุนเวียนในประเทศมากขึ้น และมองว่าภาพรวมเศรษฐกิจครึ่งหลังจะดีกว่าครึ่งปีแรก

ดังนั้นปีนี้คาดว่ายอดขายสินค้าและสินเชื่อใหม่จะเติบโตไม่ต่ำกว่า 10% จากปีก่อน และคาดว่ารายได้รวมและพอร์ตสินเชื่อในปีนี้จะเติบโตต่อเนื่องและเดินหน้าทำ All Time High หลังพอร์ตสินเชื่อรวม ณ ปัจจุบันอยู่ที่ 2,700 ล้านบาท พร้อมกับคาดการณ์ว่าจะสามารถควบคุมคุณภาพหนี้และบริหารจัดการ NPL ได้อย่างมีประสิทธิภาพจากสิ้นปี 2566 อยู่ที่ระดับ 3.60%

นายชูศักดิ์ กล่าวอีกว่า สำหรับแผนการดำเนินธุรกิจปี 2567 บริษัทเดินหน้าขยายธุรกิจสินเชื่อและเช่าซื้อเครื่องใช้ไฟฟ้าในครัวเรือน และเช่าซื้อโทรศัพท์มือถือ โดยธุรกิจปล่อยสินเชื่อเน้นมีหลักประกันเป็นหลัก อาทิ สินเชื่อที่ดินและรถบรรทุก ซึ่งส่วนใหญ่จะเน้นธุรกิจในพื้นที่เขตภาคตะวันออก (EEC) และภาคตะวันออกเฉียงเหนือ

โดยปัจจุบันบริษัทมีสาขาให้บริการทั้งหมด 98 สาขา ส่วนใหญ่อยู่ใน 7 จังหวัดภาคตะวันออก ได้แก่ จังหวัดระยอง, ชลบุรี, จันทบุรี, ฉะเชิงเทรา, ปราจีนบุรี มสระแก้ว และตราดจำนวน 96 สาขา และอีก 2 สาขาอยู่ในภาคตะวันออกเฉียงเหนือได้แก่ จังหวัดอุดรานี และนครราชสีมา

ส่วนแผนธุรกิจปีนี้เน้น 5 กลยุทธ์ในการขับเคลื่อนธุรกิจให้เติบโตตามแผนดังนี้ 1.มุ่งเน้นเติบโตในธุรกิจสินเชื่อกลุ่มมือถือ และมีการนำระบบการจัดการ “ล็อกโฟน” มาป้องกันความเสี่ยงเรื่อง NPL ที่จะเกิดขึ้นจากการเช่าซื้อมือถือสำหรับกลุ่มมิจฉาชีพ และกลุ่มที่จ่ายค่างวดล่าช้า โดยจะใช้ระบบล็อกดังกล่าวเมื่อมีการชำระค่างวดล่าช้า ซึ่งช่วยให้การการจัดเก็บหนี้ดีขึ้นและลดเสี่ยง NPL ลดลงไป ดังนั้นคาดการณ์ว่าผลประกอบการในส่วนของเช่าซื้อมือถือปีนี้จะเติบโตโดดเด่น

2.เน้นเจาะกลุ่ม B2B และ B2C เนื่องจากในพื้นที่ EEC มีบริษัทและผู้ประกอบการ รวมทั้งโรงงานประมาณ 2 หมื่นกว่าบริษัท และมีพนักงานทำงานขึ้นทะเบียนราว 600,000 คน ไม่รวมงานต่างด้าว อีกทั้งมีรถจดทะเบียนประมาณ 2 ล้านกว่าคัน ซึ่งมองว่าเป็นตลาดค่อนข้างใหญ่จึงมีแผนที่จะไปเจรจาบริษัทในกลุ่มดังกล่าวเพื่อเสนอขายสินค้า และเพื่ออำนวยความสะดวกให้กับพนักงานไม่ต้องเสียเวลาไปเดินห้างสรรพสินค้า

3.ธุรกิจประกันจะรุกเติบโตมากขึ้นโดยปัจจุบันมีพันธมิตรร่วมอยู่ประมาณ 10 บริษัท ซึ่งเดิมจะเน้นขายผ่านสาขาเป็นหลัก และปีนี้มีแผนที่จะเพิ่มการขายประกันออนไลน์เข้าอีกทางและเพิ่มตัวแทนนายหน้าขายประกันให้มากขึ้น ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการพัฒนาแพลตฟอร์มออนไลน์ โดยคาดว่าปีหน้าช่องทางขายออนไลน์จะเข้ามาหนุนรายได้มากขึ้น

4.มุ่งเน้นหาความร่วมมือกับพันธมิตรคู่ค้าในหลายธุรกิจโดยล่าสุดบริษัทจับมือกับ บริษัท เชาว์ สตีล อินดัสทรี้ จำกัด (มหาชน)หรือ CHOW เพื่อร่วมมือกันขยายตลาดในกลุ่ม EEC โดยเบื้องต้นเฟสแรก CHOW จะเข้ามาติดตั้งโซลาร์รูฟให้กับบริษัท ซึ่งจะช่วยประหยัดพลังงานในโรงงาน ถัดไปเฟส 2 จะเซ็น MOU โดย CHOW จะเป็นผู้รับติดตั้งและพัฒนาโครงการ ขณะที่ SM จะหาลูกค้าและเป็นผู้สนับสนุนสินเชื่อให้กับโครงการที่จะเกิดขึ้นในอนาคต โดยเบื้องต้นมองว่ารายได้จากการร่วมมือทางธุรกิจครั้งนี้คาดว่า SM จะได้ผลแทนประมาณ 3 แสนบาทต่อ 1 เมกะวัตต์

5.รุกขยายจุดบริการเช่าซื้อและปล่อยสินเชื่อโดยอยู่ระหว่างสำรวจทำเลที่มีศักยภาพเพื่อเปิดสาขาเพิ่มเติมให้มากขึ้นในครึ่งปีหลัง สำหรับปัจจุบันพอร์ตสินเชื่อจะแบ่งเป็นเงินกู้ยืมประมาณ 92% และเช่าซื้อประมาณ 8% อย่างไรก็ตามปีนี้มีแผนเพิ่มสัดส่วนเช่าซื้อเพิ่มขึ้นเป็น 10-11%

Back to top button