GFC ท็อปฟอร์ม! Q1 โกยกำไร “ออลไทม์ไฮ” โต 52% แตะ 29 ล้าน จ่อเปิด 2 สาขาใหม่ Q3

นายกรพัส อัจฉริยมานีกูล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เจเนซีส เฟอร์ทิลีตี เซ็นเตอร์ จำกัด (มหาชน)  หรือ GFC ผู้ให้บริการทางการแพทย์สำหรับผู้มีปัญหามีบุตรยากแบบครบวงจร เปิดเผยว่า ผลการดำเนินงานงวดไตรมาส 1/2567 บริษัทฯ มีกำไรสุทธิอยู่ที่ 28.71 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 9.77 ล้านบาท หรือ ร้อยละ 51.62 เมื่อเทียบจากช่วงเดียวกันของปีก่อน ซึ่งการเติบโตที่โดดเด่นดังกล่าว ส่งผลให้ภาพรวมของผลประกอบการไตรมาสแรกของปี 2567 ก้าวสู่การสร้างสถิติสูงสุดใหม่ (All Time High)

ขณะที่รายได้รวมปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องแตะ 108.84 ล้านบาท หรือร้อยละ 26.39 (YoY) ซึ่งเป็นผลจากการทำกิจกรรมการตลาด และกิจกรรมส่งเสริมการขายอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้เข้าถึงกลุ่มเป้าหมายที่ต้องการเข้ารับบริการรักษา ประกอบกับในปีนี้ก้าวเข้าสู่ปีมะโรง ซึ่งถือเป็นปีมงคลตามความเชื่อของชาวจีน จึงทำให้ดีมานด์ในการเข้ารับบริการเพื่อรักษามีบุตรคึกคักมากยิ่งขึ้น

“ปัจจัยที่สะท้อนถึงผลการดำเนินงานของ GFC ที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นจากรายได้การให้บริการรักษาผู้มีบุตรยากด้วยวิธี ICSI ที่ 71.79 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 18.17% เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน, รายได้จากการให้บริการตรวจพันธุกรรมของตัวอ่อน (NGS) ที่ 22.25 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 46% เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน, รายได้จากการให้บริการตรวจเบื้องต้นก่อนให้คำแนะนำหรือรักษา ที่ 10.25 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 46.30% เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน, รายได้จากการให้บริการแช่แข็งไข่และการฝากไข่ ที่ 4.03 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 38.31% เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน และรายได้จากการให้บริการรักษาผู้มีบุตรยากด้วยวิธี IUI  ที่ 0.52 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 156.86 % เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน ซึ่งหนุนให้กำไรขั้นต้น ปรับตัวสูงขึ้น 54.49 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 12.53 ล้านบาท หรือร้อยละ 29.85 เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน สอดคล้องกับจำนวนผู้มีบุตรยากที่เข้ามารับการรักษามากขึ้น ประกอบกับต้นทุนทางการเงินที่ปรับตัวลดลง หลังจากบริษัทฯ ได้ชำระเงินกู้ยืมเงินจากสถาบันการเงินทั้งจำนวนเรียบร้อยแล้ว”

นายกรพัส กล่าวเพิ่มเติมว่า ในไตรมาส 3/2567 บริษัทฯเตรียมเปิดให้บริการรักษาผู้มีบุตรยาก 2 สาขาใหม่ ประกอบด้วย สาขาพระราม 9 อินเตอร์เนชั่นแนล และ สาขาอุบลราชธานี ส่งผลให้ในช่วงครึ่งปีหลัง GFC จะมีสาขาครบ 3 สาขา (พระราม 3, พระราม 9 อินเตอร์เนชั่นแนล และ อุบลราชธานี) เพื่อตอบโจทย์ผู้ใช้บริการที่เข้ารับการรักษาผู้มีบุตรยากทั้งคนไทยและต่างประเทศได้ครอบคลุมทุกมิติ ซึ่งจะทำให้บริษัทฯ มีรายได้จากการให้บริการเติบโตอย่างก้าวกระโดด

“สาขาใหม่ทั้ง 2 สาขา จะเป็นแลนด์มาร์คแห่งใหม่สำหรับรองรับผู้เข้ารับการรักษาและเข้ารับ คำปรึกษาผู้มีบุตรยาก ทั้งกลุ่มคนไทยและต่างประเทศมากยิ่งขึ้น เนื่องจากสถานที่ทั้ง 2 แห่ง อยู่ในแหล่ง โลจิสติกส์ทางด้านคมนาคมโดยเฉพาะสนามบิน ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญสำหรับการเดินทางของผู้เข้ารับการรักษา”

อย่างไรก็ตามจากแผนการขยายสาขาดังกล่าว สอดรับกับโรดแมปของบริษัทฯ ที่ตั้งเป้าการเติบโต 3 ปีข้างหน้า (67-69) สู่การสร้าง New S-Curve เพื่อสร้างการเติบโตเพิ่มขึ้นเฉลี่ยต่อปี 20-40% โดยในปี 67 ได้ตั้งเป้าอัตราการเติบโต 20-30% เนื่องจากมีการเปิด 2 สาขาใหม่ ซึ่งจะทยอยรับรู้เข้ามาทันทีในไตรมาส 3/67 เป็นต้นไป ขณะที่ปี 68 บริษัทฯคาดว่าจะเติบโตเพิ่มขึ้น 35% และปี 69 อัตราการเติบโต 20%