“ชัยยศ” แนะเก็งกำไร “กลุ่มเครื่องดื่ม” ชู OSP เด่นสุด
“ชัยยศ” มอง SET มีโอกาสปรับตัวขึ้นไปทดสอบ 1,380-1,385 จุด รับเงินบาทแข็งค่า พร้อมแนะเก็งกำไรกลุ่มเครื่องดื่ม ชู OSP เด่นสุด ลุ้นไตรมาส 1/67 แตะ 800 ล้านบาท
นายชัยยศ จิวางกูร ผู้ช่วยฝ่ายผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์ กรุงศรี จํากัด (มหาชน) เปิดเผยถึงแนวโน้มตลาดหุ้นไทยผ่านรายการ “ข่าวหุ้นเจาะตลาด” วันนี้ (15 พ.ค. 67) ว่า จากถ้อยแถลงของนายเจอโรม พาวเวล ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ที่ส่งสัญญาณว่าเฟดจะไม่ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีก ซึ่งดูจะเป็นผลบวกกับตลาดหุ้นไทย แม้ตัวเลขดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) ของสหรัฐจะมีการปรับตัวขึ้น โดยทำให้บอนยีลด์สหรัฐมีการอ่อนตัวลง
นอกจากนี้ค่าเงินบาทยังแข็งค่าขึ้น โดยอยู่ที่ประมาณ 36.60 บาท เพราะฉะนั้นจึงมองว่า momentum ดังกล่าวจะส่งผลให้ดัชนี SET Index มีโอกาสปรับตัวขึ้นไปทดสอบที่ระดับ 1,380-1,385 จุด อย่างไรก็ตามปริมาณการซื้อขายที่ยังอยู่ในระดับที่ไม่ได้หนาแน่นมาก อาจจะทำให้ยังไม่เห็นภาพของการปรับตัวพุ่งขึ้นแรงของดัชนีตลาดหุ้นไทย โดยมองว่าจะเป็นลักษณะของการค่อยๆ ไต่ระดับขึ้นไปมากกว่า
สำหรับกลยุทธ์การลงทุนการเก็งกำไร ในช่วงสุดท้ายของการประกาศผลการดำเนินงานบริษัทจดทะเบียน แนะนำ บริษัท โอสถสภา จำกัด (มหาชน) หรือ OSP โดยมองว่าผลประกอบการน่าจะออกมาดี และคาดการณ์ว่ากำไรไตรมาส 1/67 จะอยู่ที่ 800 ล้านบาท ซึ่งเพิ่มขึ้นทั้งจากช่วงเดียวกันของปีก่อน และช่วงเดียวกันของไตรมาสก่อนหน้า
ทั้งนี้จะเห็นได้ว่าหุ้นกลุ่มเครื่องดื่มมีการปรับตัวขึ้นกันอย่างคึกคัก อาทิ บริษัท คาราบาวกรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ CBG, บริษัท ไทย โคโคนัท จำกัด (มหาชน) หรือ COCOCO, บริษัท อิชิตัน กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ ICHI และ บริษัท เซ็ปเป้ จำกัด (มหาชน) หรือ SAPPE นอกจากนั้นหากมองผลประกอบการก็ยังออกมาอยู่ในทิศทางที่ดีอีกด้วย
ดังนั้นจึงมองว่า OSP น่าจะอยู่ในทิศทางเดียวกับหุ้นกลุ่มดังกล่าว เนื่องจากปัจจัยต่างๆ เช่น ปัจจัยทางฤดูกาลที่อยู่ในช่วงหน้าร้อน ประกอบกับเห็นการฟื้นตัวของเครื่องดื่มชูกำลัง โดยมองว่า OSP จะประกาศงบออกมาดีเช่นกัน ทั้งนี้ให้ราคาพื้นฐานที่ 24 บาท
สำหรับกลุ่มเทคโนโลยีที่ผลประกอบการในไตรมาส 1/67 ออกมาไม่ค่อยดีนัก และราคามีการปรับตัวลง อย่างไรก็ตามมองว่าในอนาคต 2-3 ปีข้างหน้าหุ้นกลุ่มดังกล่าวจะเป็นกลุ่มที่มีการเติบโตสูง เนื่องจากกระแสของ Data Center ที่กำลังมาแรง เห็นได้จากการที่ไมโครซอฟต์จะเข้ามาลงทุนในไทย โดยมองว่าผลประกอบการที่ออกมาไม่ค่อยนั้น มีสาเหตุจากการเบิกจ่ายของรัฐที่ชะลอไป โดยมองว่าเป็นจังหวะเข้าซื้อ แต่ยังคงต้องติดตามโครงการที่จะเข้าไปรับงานต่างๆ ว่ามีมากหรือน้อยแค่ไหน