IVL แย้ม Q2 โตดี ยอดขายธุรกิจ PET หนุน-เตรียม “สปินออฟ” บริษัทลูกเข้าตลาดฯ

IVL แย้มไตรมาส 2/67 โตดี ยอดขายกลุ่มธุรกิจ PET หนุน รับดีมานด์ใช้น้ำมัน-บริโภคกลุ่มเครื่องดื่มเพิ่มช่วงหน้าร้อน และปัญหา Destocking เริ่มคลี่คลาย เตรียมนำธุรกิจ บรรจุภัณฑ์-สารลดแรงตึงผิวเข้าตลาดฯ พร้อมเดินหน้าธุรกิจตามแผนกลยุทธ์ IVL 2.0 ในปี 69


นายดีลิป กุมาร์ อากาวาล กรรมการ บริษัท อินโดรามา เวนเจอร์ส จำกัด (มหาชน) หรือ IVL เปิดเผยว่า เปิดเผยข้อมูลภาพรวมธุรกิจของบริษัทผ่านงาน Opportunity Day จัดโดยตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) ในวันที่ 15 พ.ค.67 ว่า ผลการดำเนินงานไตรมาส 1/67 บริษัทมีกำไรสุทธิ 1,133 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 11% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 1,023 ล้านบาท โดยบริษัทมีรายได้จากการขายสินค้าในไตรมาส 2/67 อยู่ที่ 135,908 ล้านบาท ลดลงจากไตรมาส 1/66 อยู่ที่ 136,579 ล้านบาท

โดยภาพรวมธุรกิจของบริษัทฯในไตรมาสดังกล่าวถือเป็นไปในเชิงบวกเนื่องจาก 1.ปริมาณยอดขายเริ่มมีเสถียรภาพ และเพิ่มขึ้นเล็กน้อยซึ่งเป็นสัญญาณบ่งชี้ถึงการผ่อนคลายของสภาวะการณ์เร่งระบายสินค้าคงคลัง (Destocking) ที่เกิดขึ้นในตลาด

2.ต้นทุนด้านสาธารณูปโภคต่างๆ ลดลงในภูมิภาคตะวันตก ส่งผลต่ออัตรากำไรต่อหน่วยของบริษัทฯให้ปรับตัวดีขึ้น ,3. เหตุการณ์วิกฤตทะเลแดงที่เกิดขึ้นได้ทำให้ราคาสินค้านำเข้าแพงขึ้นในตลาด EMEA (ยุโรป-ตะวันออกกลาง และแอฟริกา) และ อเมริกาใต้ดังน้ันจึงเป็นผลดีต่ออัตรากำไรของบริษัทฯ และ 4.องค์ประกอบเศรษฐกิจของแก๊สธรรมชาติ shale ปรับตัวดีขึ้นส่งผลให้ความสามารถในการทำกำไรของธุรกิจ Integrated EO/EG และ MTBE ดีขึ้น

นอกจากนี้บริษัทฯยังคงดูแลการจัดสรรเงินทุนอย่างใกล้ชิดต่อเนื่อง เพื่อให้เกิดความคุ้มค่าและเพื่อสร้างโอกาสเติบโตและเพื่อการบำรุงรักษาทั้งเงินทุนหมุนเวียนของบริษัทฯเพิ่มขึ้นในไตรมาสนี้เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนอันเนื่องมาจากปริมาณยอดขายและราคาขายที่เพิ่มขึ้น

ส่วนแนวโน้มไตรมาส 2/67 คาดโตดีโดยมองว่าปริมาณยอดขายยังมีโอกาสปรับตัวเพิ่มขึ้นจากช่วงฤดูร้อน พร้อมกับความต้องการในการใช้พลังงานน้ำมันที่มากขึ้น และเป็นช่วงที่การบริโภคกลุ่มสินค้าเครื่องดื่มมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นทั่วโลก ซึ่งจะส่งเสริมธุรกิจ MTBE ในกลุ่ม Combined PET (CPET)

ขณะที่สถานการณ์ Destocking เริ่มคลี่คลายลงจากการระบายสินค้าส่วนใหญ่ใกล้สิ้นสุดลงแล้ว อีกทั้งในส่วนอัตรากำไรสำหรับธุรกิจ Indovinya น้ันคาดว่ามีทิศทางที่ดีขึ้นจากการเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่และการที่อุปสงค์ ผลิตภัณฑ์ HVA ปรับตัวดีขึ้น

นอกจากนี้วิกฤตทะเลแดงที่ยังคงดำเนินอยู่ ส่งผลให้ค่าระวางเรือบรรทุกน้ำมัน และตู้คอนเทนเนอร์ยังอยู่ในระดับสูง และคาดว่าตลาดจะตึงตัวต่อเนื่อง โดยการหยุดชะงักดังกล่าวจะส่งผลดีต่อ IVL ในฐานะผู้ผลิตในประเทศ เมื่อเทียบกับการนำเข้าที่มีต้นทุนสูงกว่า นอกจากนี้ราคาก๊าซฯและพลังงานที่อ่อนตัวลงยังส่งผลบวกต่อต้นทุนแปรสภาพในตลาดตะวันตกของบริษัท

“ส่วนเป้าหมายรายได้ทั้งปีนี้ยังอยู่ระหว่างการประเมินสถานการณ์ แต่คาดว่าแนวโน้มไตรมาส 2 จะดีขึ้น เนื่องจากปริมาณการขายค่อยๆฟื้นตัวขึ้น อีกทั้งได้ประโยชน์จากปัญหาทะเลแดงที่เผชิญอยู่ส่งผลดีให้กับ IVL ในฐานะผู้ผลิตในประเทศเมื่อเทียบกับการนำเข้าในต้นทุนที่สูงกว่า ” นายดีลิป กุมาร์ อากาวาล กล่าวเพิ่มเติม

ด้านแผนธุรกิจในปี 67-69 ยังเน้นกลยุทธ์ IVL 2.0 โดยมีเป้าหมายคือการสร้างกระแสเงินสดอิสระที่แข็งแกร่งและการลดระดับอัตราส่วนหนี้สินต่อ EBITDA ของบริษัทฯให้อยู่ที่ 3 เท่าหรือต่ำกว่า โดยเน้นการเพิ่มประสิทธิภาพทรัพย์สินบริษัทฯโดยปรับปรุงฐานการผลิต 7 แห่งให้เกิดความคุ้มค่า

อีกทั้งใช้เครื่องมือดิจิทัลใหม่ที่ช่วยให้ผู้บริหารสามารถขับเคลื่อนความเป็นเลิศในการปฏิบัติงานผ่านข้อมูลเชิงลึกแบบเรียลไทม์ ทำให้สามารถทำงานตอบสนองอย่างคล่องตัวมากขึ้น และมุ่งเน้นการรักษาตำแหน่งทางการตลาดของบริษัทและนำเสนอผลิตภัณฑ์โซลูชั่นจากนวัตกรรมใหม่ และผลิตภัณฑ์ที่สนองตอบแนวทางด้านความยั่งยืนสู่ตลาด

นอกจากนี้บริษัทมีแผนที่จะขายธุรกิจในเครือที่ไม่ใช่ธุรกิจหลักของ IVL ออกไป 2 ธุรกิจ เพื่อเป็นการลดหนี้ และปรับงบลงทุนปีนี้จากเดิม 670 ล้านเหรียญเหลือประมาณ 640 ล้านเหรียญสหรัฐ  ซึ่งหลักๆจะใช้ในธุรกิจรีไซเคิลและไม่มีแผนที่จะเข้าซื้อกิจการแต่อย่างใด

ส่วนความคืบหน้าการเตรียมการเสนอขายหุ้น IPO สำหรับธุรกิจ Indovinya และ Packaging (ธุรกิจสารลดแรงตึงผิว-บรรจุภัณฑ์) ของบริษัทฯขณะนี้อยู่ระหว่าง มีการกำหนดโครงสร้างการกำกับดูแลและจัดตั้งคณะทำงานบริหารโครงการ โดยจะรายงานความคืบหน้าต่อเนื่อง

Company Snapshot

Back to top button