BGRIM แย้มไตรมาส 2 โตต่อ รับแผนลดต้นทุน-รายได้ขายไฟหนุน
BGRIM มองผลงานไตรมาส 2 ยังโตต่อเนื่อง รับรู้รายได้ขายไฟฟ้าที่ทยอย COD ตั้งแต่ปลายปีก่อน รวมถึงแนวโน้มราคาก๊าซปรับตัวลดลงหนุน
นางสาวกันย์ลภัส วิชชุตารัช นักลงทุนสัมพันธ์ บริษัท บี.กริม เพาเวอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ BGRIM เปิดเผยข้อมูลภาพรวมธุรกิจของบริษัทผ่านงาน Opportunity Day จัดโดยตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) ในวันที่ 17 พ.ค.67 ว่า บริษัทรายงานผลประกอบการงวดไตรมาส 1/67 มีกำไรสุทธิ 379 ล้านบาท ลดลง 5% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนมีกำไร 400 ล้านบาท
ขณะที่รายได้จากการขายและการให้บริการอยู่ที่ 1.41 หมื่นล้านบาท ลดลง 10% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนมีรายได้จากการขายและการให้บริการ 1.57 หมื่นล้านบาท เป็นผลมาจากรายการขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยนที่ยังไม่เกิดขึ้นจริง จากการแปลงหนี้สินสุทธิและธุรกรรมอื่นที่เป็นสกุลดอลลาร์สหรัฐเป็นเงินบาท และรายการกำไรจากการขายโรงไฟฟ้าที่หมดอายุในไตรมาส 1/67
อย่างไรก็ตาม ในส่วนของกำไรก่อนดอกเบี้ย ภาษี ค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่าย (EBITDA) ฟื้นตัวจากช่วงเดียวกันของปีก่อนมาที่ 3.62 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 10% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนอยู่ที่ 3.27 พันล้านบาท โดยมีสาเหตุหลักจาก 1) ปริมาณไฟฟ้าที่ขายเพิ่มขึ้นจากปริมาณไฟฟ้าขายให้แก่ กฟผ. ที่เพิ่มขึ้น จากการเปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์ของโรงไฟฟ้าใหม่ การเติบโตของลูกค้ำ IUs ในประเทศไทย และลูกค้า IUs ในประเทศเวียดนาม รวมถึงปริมาณไอน้ำที่ขายในประเทศไทยเพิ่มขึ้น และราคาก๊าซธรรมชาติเฉลี่ยลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อน
ขณะที่ในช่วงครึ่งหลังของปีนี้บริษัทมีแผนควบรวมกิจการใหม่ (M&A) ทั้งในประเทศ และต่างประเทศ เพื่อมุ่งสู่เป้าหมาย 1 หมื่นเมกะวัตต์ในอนาคต
นางสาวศิริวงศ์ บวรบุญหฤทัย รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายงานการเงินและบัญชี ของ BGRIM เปิดเผยว่า แนวโน้มผลการดำเนินงานไตรมาส 2 ยังเติบโตอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากราคาแก๊สปรับตัวลดลง รวมถึงได้รับรายได้จากโรงไฟฟ้าที่ทยอยเปิดเดินเครื่องเชิงพาณิชย์ (COD) ตั้งแต่ช่วงปลายปีที่ผ่านมา นอกจากนี้ บริษัทยังคงเดินหน้าคุมต้นทุนค่าใช้จ่ายอย่างต่อเนื่อง
พร้อมกันนี้ ในช่วงที่เหลือของปีนี้ จะมีการ COD โรงไฟฟ้าจีฟู่ ประเทศญี่ปุ่น 20 เมกะวัตต์, โรงไฟฟ้าพลังงานลม ประเทศเกาหลีใต้ รวมถึงการได้มาของโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ติดตั้งบนหลังคา (โซลาร์ รูฟ) ปัจจุบันมีการจ่ายไฟเข้าระบบแล้วจำนวน 4 เมกะวัตต์ ส่วนที่เหลืออีกประมาณ 29 เมกะวัตต์จะทยอยจ่ายไฟเข้าระบบในปี 68